ในโลกของการลงทุน หลายคนอาจเคยเจอกับคำว่า "ตลาดกระทิง" และ "ตลาดหมี" แล้วทราบหรือไม่? ว่า ทั้ง 2 คำนี้ หมายถึงอะไร หากจะให้อธิบายง่าย ๆ นั้น ตลาดกระทิง (Bull Market) คือ ขาขึ้น ส่วนตลาดหมี (Bear Market) คือ ขาลง ซึ่งในฐานะของนักลงทุน ทิศทางของตลาด คือ กำลังสำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพอร์ตการลงทุนของคุณ ในวันนี้ Fxbrokerscam จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ ตลาดกระทิง (Bull Market) และ ตลาดหมี (Bear Market) ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมตั้งรับกับสภาวะของตลาดได้ครับ
ตลาดกระทิง (Bull Market) คือ สภาวะของตลาดที่มีลักษณะเป็น "ขาขึ้น" เนื่องจากนักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น.ในตลาดสูง เพราะตลาดกระทิงเป็นดั่งนาทีทองของนักลงทุน ทำให้เป็นเหตุให้เกิดการซื้อขายสินทรัพย์ในปริมาณที่มากขึ้น และราคามีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกันในเวลาระยะหลายวัน ๆ อีกด้วย ตลาดกระทิง (Bull Market) สามารถเรียกง่าย ๆ อีกอย่างหนึ่งว่า เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Up Trend)
ตลาดกระทิงมีสาเหตุจากเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตเป็นอย่างดี ทำให้การลงทุนของธุรกิจและบริษัทต่าง ๆ เติบโตขึ้นตาม รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับที่น่าลงทุน เพราะอัตราเงินเฟ้อสามารถควบคุมได้ ประกอบกับอัตราการว่างงานต่ำ ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจหรือบริษัทต่าง ๆ มีโอกาสสร้างกำไรที่มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งตลาดกระทิงนี้ มักส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดปรับตัวขึ้นด้วย เนื่องจากเทรดเดอร์และนักลงทุนทองคำเข้ามาซื้อขายทองคำมากขึ้นนั่นเองครับ
ตลาดหมี (Bear Market) คือ สภาวะของตลาดที่มีลักษณะเป็น "ขาลง" เนื่องจากนักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นในตลาด จนทำให้เกิดเป็นการเทขายสินทรัพย์ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น โดยเป็นการขายแบบเทกำไร เป็นเหตุผลให้ราคาเริ่มตกลงมาและตกลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันในเวลาหลาย ๆ วัน ตลาดหมี (Bull Market) สามารถเรียกได้อีกอย่างว่า แนวโน้มขาลง (Down Trend)
อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องยากในการคาดเดาว่า ตลาดหมี (Bull Market) จะสิ้นสุดลงเมื่อใด เพราะการดีดตัวกลับขึ้นของราคามักเป็นกระบวนการที่ล่าช้าและไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิเช่น การเติบโตของเศรษฐกิจ จิตวิทยานักลงทุนหรือเทรดเดอร์ และข่าวสารสำคัญที่เกิดขึ้นทั่วโลก
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดหมี (Bear Market) ก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ โดยนักลงทุนหรือเทรดเดอร์มักมีกลยุทธ์เพื่อเตรียมรับมือกับตลาดขาลง ซึ่งมักจะเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นและลงทุนในระยะยาว รวมทั้งยังสามารถการเทรดโดยการตั้ง Stop Loss หรือการลงทุนแบบ DCA (การลงทุนถั่วเฉลี่ย) ก็สามารถทำได้ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มขาลงครับ
ต้นกำเนิดการใช้คำว่า "กระทิง" และ "หมี" นั้น ยังไม่มีที่มาที่ชัดเจน โดยคาดว่าเป็นการใช้คำที่บ่งบอกถึงพฤติกรรมการโจมตีของสัตว์ ซึ่งเหตุผลที่ใช้ "กระทิง" เนื่องจาก กระทิง มีกระแสโจมตีคู่ต่อสู้จากล่างขึ้นบนโดยการใช้เขาขวิด ส่วน "หมี" นั้น มักโจมตีโดยการใช้กรงเล็บตะปบลง ทำให้ทั้ง 2 คำนี้ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์การใช้เรียกแทนสภาวะตลาดนั่นเองครับ โดยสรุปง่าย ๆ ได้ว่า
"ตลาดกระทิง" จะขวิดราคาให้ขึ้นไปสูง ๆ
"ตลาดหมี" จะตะปบราคาให้ต่ำลงมา
ตลาดกระทิง (Bull Market) คือ ตลาดในแนวโน้มขาขึ้น ส่วน ตลาดหมี (Bear Market) คือ ตลาดในแนวโน้มขาลง ซึ่งทั้ง 2 แนวโน้มนี้ เกิดจากปัจจัยที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามการลงทุนในตลาดกระทิงและตลาดหมี นักลงทุนหรือเทรดเดอร์สามารถทำได้ หากมีการวางแผนและปรับกลยุทธ์ที่ดี ทั้งการเก็งกำไรระยะสั้น หรือการลงทุนระยะยาว ซึ่งต้องคอยสังเกตการพุ่งขึ้นหรือลดลงของราคา แต่สิ่งที่จำเป็นอย่างมากที่นักลงทุนต้องพึงระลึกไว้ คือ การมีสติ รอบคอบ และการประเมินความเสี่ยง ก่อนการลงทุนทุกครั้งครับ
-----------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้
อัพเดตข่าวสารการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่
อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM