เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเราอยู่ในยุคของทุนนิยม
ตัวระบบทุนนิยมนั้นคือระบบที่ถูกออกแบบมาโดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่ง ปัจจุบันมีอำนาจทางการเงินกฎหมายและธนาคารเป็นอย่างมากซึ่งระบบนี้เรียกว่าระบบที่ขับเคลื่อนด้วยเงินตราระบบที่ออกแบบมาเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้วสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการทุ่นแรงให้กับคนที่ไม่ถนัดบางสิ่งบางอย่างเพื่อใช้แลกเปลี่ยนให้อีกคนหนึ่งที่ถนัดสิ่งนั้นทำแทนโดยมีสิ่งตอบแทนที่เรียกว่าทองคำแต่เนื่องจากทองคำมีจำกัดและจับจ่ายใช้สอยได้ลำบาก
กลุ่มคนกลุ่มนี้จึงได้สร้างระบบไอคอนหรือตัวกลางขึ้นมาแทนทองคำเรียกว่าดอลลาร์หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ชนะสงครามโลกครั้งที่สองสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกและเมื่อก้าวเข้าสู่สงครามเย็นทำให้ฝังสังคมนิยมหรือจักรวรรดิรัสเซียอ่อนแอลง ทำให้โลกตั้งแต่หลังจากนั้นเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยมอย่างรุนแรง (การปฏิวัติอุตสาหกรรมมีมานานก่อนสงครามนโปเลียน)
หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ในโลกใบนี้มีการต่อสู้กันทางฝ่ายของสังคมนิยมและทุนนิยมซึ่งแน่นอนการต่อสู้เป็นการต่อสู้โดยไม่ได้ออกมาโดยตรงให้เราเข้าใจว่ามันคือการทำสงครามแต่มันคือการทำสงครามในรูปแบบของเศรษฐกิจการเงินการเมืองและการปกครองรวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ
ข้อดีข้อเสียของระบบทุนนิยมก็ดี ซึ่งแน่นอนไม่ว่าจะระบบใดต่างก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไปสิ่งที่เรามองเห็นโดยที่ค่อยๆปรากฏให้เห็นในทุกวันนี้ก็คือระบบทุนนิยมทำให้กลุ่มนายทุนนั้นมีอำนาจใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดประชาชนก็จะจนลงเรื่อยๆ เพราะรัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้จากภาคธุรกิจของมนุษย์หรือเอสเอ็มอีต่างๆนั้นเติบโตด้วยหนี้การกู้ยืมเพื่อมาทำให้ธุรกิจให้โต หรือสรุปง่ายๆ ก็คือเราโตด้วยหนี้
โดยคำว่าหนี้ ก็ต้องมาพร้อมดอกเบี้ยอยู่แล้วซึ่งดอกเบี้ยนี่แหล่ะคืออำนาจทางการเงินอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ออกแบบกดเกมส์นี้ขึ้นมาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เราอยู่ในยุคของทุนนิยมโดยใช้การแลกเปลี่ยนที่เรียกว่าเปโตรดอลล่าร์ซึ่งเงินดอลล่าร์คือพระเจ้ามีค่าเปรียบเทียบได้กับทุกสิ่งหรือทดแทนได้แทบทุกสิ่งจะซื้อน้ำมันต้องซื้อเป็นดอลล่าร์จะซื้อทองต้องซื้อเป็นดอลล่าร์จะทำอะไรก็ตามจะกู้ยืมเงินจากข้างนอกต้องกู้เป็นดอลล่าร์ แน่นอนเมื่อเงินดอลล่าร์เป็นเงินของกลุ่มผู้ออกแบบระบบนี้ขึ้นมาก็ต้องอำนวยให้กับเขาเป็นผู้ชนะเพราะเกมส์นี้เป็นเกมส์บนกระดานของเขา
ล่าสุดเราได้เห็นเหตุการณ์ที่เรียกว่าสถานการณ์โคโรนาไวรัสเหตุการณ์นี้ทำให้เศรษฐกิจแย่ทั่วทั้งโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกาที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งการเกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้บริษัทต่างๆในอเมริกาเสียหายอย่างหนักรัฐบาลของสหรัฐจำเป็นจะต้องอุ้มบริษัทเหล่านี้ไม่ให้เกิดการล้มลงไปเพราะเมื่อมนุษย์เราเป็นหนี้ หากจนมุมหรือไม่มีเงินใช้หนี้ เป็นไปได้มากสุดก็คือไม่จ่ายซึ่งสิ่งนี้รัฐบาลทราบดีและไม่อยากให้เกิดขึ้นจำเป็นจะต้องฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบที่เรียกว่าการพิมพ์เงินเข้าไปนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นระบบในประเทศมีเงินอยู่แค่ 20,000,000 ดอลล่าร์การที่มันเข้าไปโดยปกติแล้ว จำเป็นต้องมีทองคำหนุนหลังเพราะก่อนที่จะมีเงินดอลล่าร์นั้นมนุษย์แลกเปลี่ยนกันโดยทองคำ การพิมพ์เงินเข้าไปในระบบจำเป็นจะต้องมีทองคำมาหนุน แต่เนื่องจากรัสเซียและจีนรวมถึงอินเดียก็ได้มีการเริ่มทำการสะสมทองคำเข้าสู่คลังของประเทศทำให้ทองคำจำนวนมากไหลเข้ามาสู่สามประเทศนี้ทำให้ความมั่งคั่งเงินทองหรือทองคำของอเมริกาน้อยลง แต่อเมริกาก็ยังพิมพ์เงินเข้าไปในระบบซึ่งแน่นอนทั่วทั้งโลกหรือนักลงทุนรายใหญ่ก็ทราบเรื่องนี้ดีว่าความน่าเชื่อถือ
ของเปโตรดอลล่าร์นี้จะแย่แล้ว จนทำให้ IMF กองทุนระหว่างประเทศที่โดยปกติแล้วจะมีแค่เงินดอลล่าร์เท่านั้นจนตอนนี้เริ่มนำเข้ามาในระบบมีสกุลเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆเข้ามานั่นหมายความว่าความมั่นคงของเงินดอลล่าร์นั้นภายในนั้นเริ่มอ่อนแอลงแล้ว รวมถึงการเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิตอล ทำให้คนเริ่มเปลี่ยนถ่ายโอนทรัพย์สินไปยังทรัพย์สินหรือสินทรัพย์ต่างๆเช่นที่ดินทองคำ สกุลเงินดิจิตอลเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงทางด้านการเงินของเค้าเองยกตัวอย่างเช่นเรามีเงินอยู่ 10 บาทเคยซื้อขายไข่ไก่ได้สามฟอง จนวันนี้เกิดการพิมพ์เงินเข้าไปในระบบทั่วทั้งโลก
แน่นอนว่าเงินมันต้องเฟ้อ นักลงทุนจำนวนมากหรือกองทุน ซื้อขายทองเป็นอย่างหนักในช่วงวิกฤตินี้แต่ประชาชนทั่วไปต้องการจะมีเงินสดเพื่อพยุงชีวิตในช่วงสถานการณ์แบบนี้ทำให้กลุ่มหนึ่งที่มีเงินมากไปซื้อทองจนราคาพุ่งสูงขึ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยก็เทขายทอง เพื่อถือครองเงินสดเอาไว้เลี้ยงดูชีพในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือทองคำที่ต้องส่งมอบหลังจากวันครบกำหนดมีไม่พอส่งเป็นอย่างแน่นอน
นั่นหมายความว่าการเข้าไปซื้อทองเป็นจำนวนมาก ของก็มีจำกัดสิ่งที่จะมาทดแทนหรือเคลื่อนย้ายแทนทองคำได้นั่นก็คือโลหะทองแดงหรือเงิน
ความไม่แน่นอนต่างๆเหล่านี้ทำให้เงินนั้นเปลี่ยนถ่ายจากทรัพย์สินที่เคยเชื่อว่าเงินดอลล่าร์จะปลอดภัยที่สุดกลับกลายเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นที่มีค่ามากกว่าเงินดอลล่าร์บางคนอาจจะเปลี่ยนเงินเป็นที่ดิน บางคนอาจจะเปลี่ยนเงินเป็นทองคำ บางคนอ่านเปลี่ยนเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัล
การเปลี่ยนจากสกุลเงินหนึ่งไปสกุลเงินหนึ่งหรือเปลี่ยนจากสินทรัพย์อย่างหนึ่งไปอีกอย่างหนึ่งสิ่งเดิมที่เคยมีก็จะลดมูลค่าลงมา และดอลล่าร์ก็จะอ่อนค่าตามเช่นกันโอกาสที่เราจะได้เห็นเงินดอลล่าร์ลดลงมา 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ในเร็วเร็วนี้อาจจะได้เห็นกันนะครับ
ทั้งหมดนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลหรือวิเคราะห์เป็นการส่วนตัวเท่านั้นลองพิจารณาหรือวิเคราะห์ด้วยข้อมูลอื่นเพื่อประกอบในการตัดสินใจอีกครั้งนึงนะครับ