โลกผวาสงครามยูเครน-รัสเซีย อาจทำน้ำมันพุ่ง 120-150 ดอลลาร์/บาร์เรล?

ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆกับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่อาจดันราคาน้ำมันให้พุ่งสูง ด้านผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างก็ออกมาวิเคราะห์ราคากันว่าอาจแตะ 120-150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

เริ่มจากสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (ราว 3,919 บาท) หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น โดยนาตาชา คาเนวา หัวหน้ากลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ ของบริษัทเจพี มอร์แกน ระบุไว้ว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งน้ำมันของรัสเซียในขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ มีกำลังการผลิตสำรองในระดับต่ำ จะมีโอกาสดันให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงได้

เจพี มอร์แกนเตือนว่าหากการส่งออกน้ำมันของรัสเซียถูกลดเหลือครึ่งหนึ่ง ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จะพุ่งสูงแตะ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการทำลายสถิติราคาน้ำมันที่สูงที่สุด 147.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2551 

รัสเซียที่เป็นชาติผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และยังเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในกลุ่มโอเปก พลัส ทำให้ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อตลาดน้ำมันในหลายด้าน

ถึงแม้ตอนนี้เหตุการณ์ยังไม่ได้ถึงขั้นการทำสงครามระหว่าง รัสเซีย-นาโต้ หรือรัสเซีย-สหรัฐอเมริกา แต่เหมือนกับการทำสงครามทางจิตวิทยาเสียมากกว่า  ดูได้จากระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมานี้ และยังมีความลากยาวออกไป ซึ่งภาวะแบบนี้จะส่งผลต่อจิตวิทยาระยะสั้น โดยมีการลดเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง พร้อมกับความกังวลว่ารัสเซียจะโดนคว่ำบาตรจากหลายๆประเทศเหมือนในปัจจุบัน และอาจจะไม่สามารถส่งก๊าซธรรมชาติให้กับยุโรปได้ ส่งผลให้ราคาพลังงานเพิ่มตัวสูงขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตามหากเกิดสงครามขึ้นจริง ราคาน้ำมันขึ้นไปแตะระดับ 120-150ดอลลาร์/บาร์เรล  ก็จะทำให้ต้นทุนราคาสินค้า เงินเฟ้อ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง

แต่ก็ยังมีนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะเกิดเพียงระยะสั้น เพราะหลังจากนั้นโอเปคอาจจะเข้ามาส่งเสริมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งน่าจะช่วยคลี่คลายวิกฤตนี้ได้ แต่ก็ยังคงต้องเกาะติดสถานการณ์กันต่อไปกันครับ