หากกล่าวถึงอินดิเคเตอร์ เทรดเดอร์หลาย ๆ คน คงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะอินดิเคเตอร์ (Indicator) เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น วันนี้ทีมงาน Fxbrokerscam จะพาทุกท่านมารู้จักกับ 3 อินดิเคเตอร์ยอดนิยมที่ใช้วัดความผันผวนในตลาด Forex พร้อมกับอธิบายความหมาย, ประโยชน์ และข้อจำกัดของอินดิเคเตอร์แต่ละตัว เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจอินดิเคเตอร์เหล่านี้ได้มากขึ้นครับ
Forex ถูกย่อมาจาก Foreign Exchange Market คือ ตลาดซื้อขายอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งตลาด Forex ถือเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ อัตราการแลกเปลี่ยนจะอ่อนไหวกับปัจจัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสำคัญ, อัตราเงินเฟ้อ, การขึ้นอัตราดอกเบี้ย และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นต้น โดยตลาด Forex จะแปรผันไปตาม Demand และ Supply ทำให้เทรดเดอร์ต้องอาศัยการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ามาช่วย เพื่อให้การเทรดของพวกเขามีประสิทธิภาพมากที่สุด
ลักษณะพิเศษของตลาด Forex มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ความผันผวนในตลาด Forex คือ ความผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ซึ่งสามารถวัดได้จากความถี่ที่ค่าเงินมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่กำหนดหรือความแตกต่างระหว่างราคาเปิด (Open) และราคาปิด (Close) ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยการหาค่าความผันผวนในตลาด Forex สามารถวัดได้จากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ตลาดและปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที
สำหรับความผันผวนในตลาด Forex นั้น เกิดมาจากหลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่ที่ตลาดเกิดความผันผวนเป็นอย่างมากมักจะเกิดจาก “ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ” โดยเฉพาะจากข่าวทางฝั่งสหรัฐฯ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินที่คนนิยมเทรดมากที่สุด ทำให้เมื่อมีการประกาศข่าวทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ เป็นเหตุให้ตลาด Forex มีความผันผวน ซึ่งสกุลเงินที่มีความผันผวนเป็นอย่างมาก ได้แก่ AUDJPY, GBPAUD และ USDTHB ในขณะที่คู่เงินที่มีความผันผวนน้อยที่สุด ได้แก่ EURCHF สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
วิธีการรับมือกับความผันผวนในตลาด Forex สามารถทำได้ 3 วิธี ดังต่อไปนี้
เมื่อตลาด Forex มีความผันผวนสูง เทรดเดอร์ควรพิจารณาคู่เงินหลัก/คู่เงินรองมากกว่าคู่เงินแปลกใหม่ เนื่องจากคู่เงินหลักมีเสถียรภาพสูงกว่า เพราะปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex ที่มีจำนวนมาก ส่งผลให้เทรดเดอร์สามารถเข้าออกตลาดได้ง่ายขึ้น รวมทั้ง คู่สกุลเงินหลักมักจะมีค่าสเปรดต่ำ ทำให้เทรดเดอร์เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
เมื่อตลาด Forex มีความผันผวน เทรดเดอร์ควรใช้กลยุทธ์ Breakout หรือการซื้อขายตามเทรนด์ เพราะกลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้กับการเทรดคู่เงินหลัก, คู่เงินรอง และคู่เงินแปลกใหม่ ทั้งนี้ เทรดเดอร์ควรติดตามระดับความผันผวนอย่างใกล้ชิด ประกอบกับการวางแผนการเทรดให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถรับมือกับทิศทางของราคาที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
เมื่อตลาด Forex มีความผันผวน ระดับความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ยอมรับได้ของแต่ละคนนั้น มีความแตกต่างกัน โดยเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ในการเทรดอาจชื่นชอบความเสี่ยง เมื่อตลาดมีความผันผวน ในขณะที่เทรดเดอร์บางรายอาจชื่นชอบการเทรดคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนน้อยกว่า เพราะ พวกเขาไม่สามารถรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นแล้ว กลยุทธ์การเทรด Forex จึงมักจะขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่เทรดเดอร์แต่ละรายยอมรับได้นั่นเอง
อินดิเคเตอร์ (Indicator) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่เทรดเดอร์ Forex นิยมใช้ เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเทรดของคุณได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบอกแนวโน้มของกราฟแท่งเทียนว่า เคลื่อนไหวไปในทิศทางใด สามารถใช้บอกจุด Stop Loss และ Take Profit ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ยังสามารถใช้บ่งบอกจุดทำสัญญาณซื้อขายได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
ดังนั้น ทีมงาน Fxbrokerscam จึงได้รวบรวม 3 อินดิเคเตอร์ยอดนิยม ที่สามารถใช้วัดความผันผวนในตลาด Forex ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้คุณสามารถเลือกสรรอินดิเคเตอร์ที่เหมาะกับคุณได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ
มาที่อินดิเคเตอร์ยอดนิยมที่ใช้วัดความผันผวนในตลาด Forex ตัวแรก นั่นก็คือ Moving Average (MA) หรือที่เรียกกันว่า “เส้นค่าเฉลี่ย” เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ในตลาด (Trend) โดย MA ถูกคำนวณมาจากค่าเฉลี่ยของสินทรัพย์ผ่านข้อมูลราคาย้อนหลังตามระยะเวลาที่เทรดเดอร์กำหนดเอง ซึ่งจะประกอบไปด้วยราคาสินทรัพย์หลาย ๆ ค่าเรียงต่อกันเป็นกราฟนั่นเอง โดยปกติแล้ว MA เป็นอินดิเคเตอร์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ดังต่อไปนี้
Moving Average (MA) สามารถใช้ดูแนวโน้มของตลาดได้ เพราะเป็น Indicator ที่มีทิศทางแนวโน้มเดียวกับสินทรัพย์ ทำให้เวลาเทรดเดอร์ใช้ MA ในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดจะพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของกราฟ หากเส้น MA เคลื่อนไหวไปในแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่า กราฟราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ในทางตรงข้ามกัน หากเส้น MA เคลื่อนไหวไปในแนวโน้มที่ต่ำลงเรื่อย ๆ แสดงว่า กราฟราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง
และเนื่องจากเส้น MA จะใช้สรุปค่าเฉลี่ยของราคาสินทรัพย์ย้อนหลัง ทำให้เส้น MA จะเคลื่อนไหวตามหลังกราฟราคาเสมอ ทำให้วิธีการสังเกตเส้น MA คือ เส้นจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับกราฟราคา แต่จะเคลื่อนไหวในความเร็วที่ต่ำกว่านั่นเอง
Moving Average (MA) สามารถใช้หาแนวรับ-แนวต้าน โดยในแนวโน้มตลาดขาขึ้น เส้น MA จะทำหน้าที่เป็นแนวรับ ในขณะที่แนวโน้มตลาดขาลง เส้น MA จะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ทำให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ได้ถึงการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) ที่มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
Moving Average (MA) สามารถใช้หาสัญญาณเข้าซื้อขายได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากความสามารถอีกอย่างหนึ่งของ MA คือ การตัดกันของ MA 2 เส้น (Crossover) ที่เป็นสัญญาณในการบ่งบอกถึงการแปรผันของแนวโน้มในตลาด ทำให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ควรที่จะเข้าหาจุดตัดของสัญญาซื้อหรือสัญญาณขาย รวมทั้ง MA ยังสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าเปิดออเดอร์ที่ผิดจังหวะได้อย่างแม่นยำ เมื่อตลาด Forex เกิดความผันผวนในระยะเวลาสั้น ๆ
Moving Average (MA) สามารถใช้กำหนดจุด Take Profit (จุดตัดกำไร) และ Stop Loss (จุดตัดขาดทุน) ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดของ Moving Average (MA) สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ข้อ ดังต่อไปนี้
ถัดมาที่ Bollinger Band (BB) คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดความผันผวนในตลาด Forex ที่พัฒนามาจาก Moving Average (MA) โดย Bollinger Band จะแสดงให้เห็นว่า ราคานั้นอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลงหรือแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งจะใช้เส้นเฉลี่ยในการวิเคราะห์และบ่งบอกว่าราคานั่นเอง นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังนิยม Bollinger Band ใช้คู่กับอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น RSI, MA และ OCT เป็นต้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดได้มากยิ่งขึ้น
Bollinger Band (BB) จะประกอบไปด้วยเส้นทั้งหมด 3 เส้น โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
สำหรับ Bollinger Band (BB) สามารถใช้ประโยชน์ได้ ดังต่อไปนี้
Bollinger Band (BB) สามารถใช้หา Overbought และ Oversold ของราคาสินทรัพย์ว่า ในช่วงเวลานี้ราคาแพงเกินไปหรือถูกเกินไปหรือไม่? ซึ่งหากกราฟราคาขยับขึ้นไปทะลุเส้น Upper Band แสดงให้เห็นว่า ราคาเคลื่อนไหวไปในโซน Overbought แต่หากกราฟราคาลงมา ทะลุเส้น Lower Band แสดงให้เห็นว่า ราคาเคลื่อนไหวไปในโซน Oversold นั่นเอง
Bollinger Band (BB) สามารถใช้วิเคราะห์ความผันผวนในตลาด Forex จากการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงตลาด Sideway รวมทั้ง หากเส้น BB ทั้ง 3 เส้นห่างออกจากกันมาก แสดงให้เห็นว่า ตลาดมีความผันผวนเป็นอย่างมาก
Bollinger Band (BB) สามารถใช้หาจุดกลับตัว เมื่อเกิดการเทซื้อหรือเทขายที่มากจนเกินไป อย่างไรก็ตาม การหาจุดกลับตัวของเทรนด์ในลักษณะนี้ เทรดเดอร์ควรระมัดระวัง เนื่องจากการเทขายที่มากเกินไป แต่ตลาดยังคงเกิดความสงบอยู่อาจจะทำให้พอร์ตของคุณขาดทุน หากคุณเทรดสวนเทรนด์ เนื่องจากตลาดลักษณะนี้มักจะเกิดจากภาวะ Panic Sell
ข้อจำกัดของ Bollinger Band (BB) คือ กรณีตลาด Sideway สัญญาณซื้อหรือขายของเส้น BB อาจเป็นสัญญาณหลอกได้ ดังนั้น เทรดเดอร์ควรใช้อินดิเคเตอร์ตัวอื่นควบคู่ไปด้วย
มาที่อินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดความผันผวนในตลาด Forex ตัวสุดท้าย นั่นก็คือ Average True Range (ATR) โดย Average True Range คือ อินดิเคเตอร์ที่ไม่สามารถใช้บอกทิศทางของราคาได้ แต่ ATR สามารถวิเคราะห์สภาวะโดยรวม เพื่อใช้ยืนยันแนวโน้มของตลาดให้มีความแม่นยำมากขึ้น เป็นเหตุให้เทรดเดอร์จะนิยมใช้ ATR ร่วมกับอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ๆ ซึ่ง Average True Range (ATR) สามารถใช้ประโยชน์ได้ ดังต่อไปนี้
Average True Range (ATR) ใช้วัดความผันผวนของตลาด หากเส้น ATR มีการปรับตัวต่ำลง จะแสดงให้เห็นว่า ตลาดมีความผันผวนสูงมาก แต่หากเส้น ATR มีการปรับตัวสูงขึ้น จะแสดงให้เห็นว่า ตลาดมีความผันผวนต่ำนั่นเอง
Average True Range (ATR) ใช้กำหนดจุด Take Profit และ Stop Loss ได้อย่างเหมาะสมในการเคลื่อนไหวของราคาขณะนั้น
Average True Range (ATR) ใช้ได้กับการซื้อขายที่หลากหลาย ทำให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มกลยุทธ์ในการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แม้ว่า Average True Range จะไม่สามารถใช้บอกทิศทางของราคาได้ แต่การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของเส้น ATR สามารถช่วยระบุแนวโน้มของสัญญาณกลับตัวในอนาคตได้
ข้อจำกัดของ Average True Range (ATR) คือ ใช้วัดความผันผวนของตลาดเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม :
5 Indicators ยอดนิยมในการเทรดทำกำไร
RSI คืออะไร? เทคนิคทำกำไรการเทรดจาก RSI
จิตวิทยาการเทรดในตลาดหุ้นและฟอเร็กซ์
อินดิเคเตอร์ คือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟว่า มีแนวโน้มอยู่ในทิศทางใด ก่อนที่เทรดเดอร์จะตัดสินใจเทรด ซึ่งประเภทของอินดิเคเตอร์ก็มีหลากหลายประเภทขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้งานของเทรดเดอร์แต่ละคน สามารถติดตามข้อมูลได้ที่นี่
ATR ย่อมาจาก Average True Range คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดความผันผวนของตลาด Forex นั่นเอง
Moving Average ใช้ในการดูแนวโน้มของตลาด (Trend), ใช้หาแนวรับ-แนวต้าน, ใช้ในการหาสัญญาณในการซื้อขายที่เหมาะสม และใช้ในการกำหนดจุด Take Profit และ Stop Loss ที่เหมาะสม
Bollinger Band ใช้คู่กับ Indicator ตัวอื่น ๆ เพื่อให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
จากที่กล่าวไปข้างต้น เห็นได้ว่า 3 อินดิเคเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยสะท้อนถึงความผันผวนของตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ไม่มีอินดิเคเตอร์ตัวไหนที่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดได้อย่างถูกต้องแม่นยำ 100% ดังนั้น เทรดเดอร์ควรศึกษากลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย และฝึกฝนการใช้อินดิเคเตอร์ที่ตนเองสนใจให้มีความชำนาญ เพื่อให้คุณสามารถเทรดในตลาด Forex ได้ดียิ่งขึ้นครับ
------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้
อัพเดตข่าวสารการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกที่นี่
อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM