1. วิเคราะห์กราฟมีระบบการเทรดเป็นของตัวเอง
คือนักเทรดที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ กราฟ ในแบบต่างๆ ชอบเรียนรู้ มีความขยันที่จะฝึกฝนตัวเอง ลองผิดลองถูก สะสมประสบการณ์เพื่อทำกำไรได้ด้วยตัวเอง มีความเป็นผู้นำสูง สามารถต่อยอดเป็นนักเทรดมืออาชีพได้
ข้อดี : อยู่ได้ด้วยตัวเอง พัฒนาเป็นนักเทรดมืออาชีพ ต่อยอดเป็นอาจารย์สอนเทรด หรือสร้างระบบขายได้
ข้อเสีย : ต้องใช้เวลาเรียนรู้ ฝึกฝน ต้องอยู่กับกราฟ มีความกดดัน ทำให้เคลียดได้
2. Social Trade หรือ Copy Trade
สายนี้จะออกแนวเป็นนักลงทุน แบ่งเงินที่ไม่ได้ใช้บางส่วนมาลงทุน เพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น เป็นคนกล้าลงทุน และมีพื้นฐานการลงทุนมาบ้าง แต่ไม่ชอบนั่งเฝ้าหน้าจอ ออกแนวขี้เกียจนิดๆ
ข้อดี : ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ บริหารพอร์ตตัวเองได้ (Social Trade) ทำกำไรได้แบบไม่ต้องเหนื่อย
ข้อเสีย : เสียค่าธรรมเนียม ถ้าบริหารพอร์ตไม่ดี copy คนไม่เก่งก็ทำให้ขาดทุนได้
3. เทรดตาม Signals (ซิก Forex)
สายนี้สวนใหญ่จะเริ่มจากศึกษาการเทรดมาบ้าง สามารถเทรดได้เอง แต่ขาดความมั่นใจและประสบการณ์อาจยังไม่มีมากนัก แต่อยากทำกำไรได้เร็วๆ จึงเลือกตามซิก Forex จากแหล่งต่างๆ บางคนเลือกตามซิกเพื่อประกอบการตัดสินใจก็มี
ข้อดี : ไม่ต้องวิเคราะห์เอง เทรดได้ตามสบาย
ข้อเสีย : ต้องจ่ายค่าสมาชิก หากซิกไม่แม่น ทำให้ขาดทุน 2 ต่อ คือ ทั้งค่าสมาชิกและเงินในพอร์ต
4. ใช้ EA เทรดให้
สายนี้มีความเชื่อว่าโปรแกรม (หุ่นยนต์ ) สามารถทำกำไรได้ ต่างกับ Social Trading ที่เป็นคนเทรด ส่วนใหญ่จะมีความรู้ประสบการณ์พอสมควร จนมีความเชื่อระดับหนึ่ง เลือกที่จะแบ่งเงินมาลงทุนกับ EA และคอย backtest อยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิผลมากที่สุด
ข้อดี : ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ บริหารพอร์ตตัวเองได้ ทำกำไรได้แบบไม่ต้องเหนื่อย
ข้อเสีย : มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่า VPS หรือต้องเปิดคอมฯทิ้งไว้ ให้ EA ทำงาน ต้องคอย Backtest อยู่เรื่อยๆ ถ้า EA ไม่ดีก็โดนล้างพอร์ตเอาง่ายๆ
แต่ละแนวทาง ก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย จะมาว่าสายไหนดีกว่ากันอันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะครับ เถียงกันไม่จบ ผมก็เลยสรุปอย่างนี้ว่า สายไหนทำกำไรได้ดี แล้วสบายใจ อันนั้นแหละที่เหมาะกับคุณ บางทีอาจเป็นในรูปแบบลูกผสมก็ได้