List of content

วิกฤตน้ำท่วมเศรษฐกิจร่วง การรับมือภัยพิบัติที่เลี่ยงไม่ได้


วิกฤตน้ำท่วมเศรษฐกิจร่วง การรับมือภัยพิบัติที่เลี่ยงไม่ได้

น้ำท่วมถือเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย โดยเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุดนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางกว่า 13 จังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน ตั้งแต่ภาคการเกษตรที่สูญเสียผลผลิตจนถึงภาคการท่องเที่ยวที่ต้องชะลอตัว สำหรับนักลงทุนนั้น การจัดการพอร์ตเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นถือเป็นสิ่งจำเป็น นักลงทุนควรเรียนรู้วิธีรับมือและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาความมั่นคงในพอร์ตการลงทุนครับ

⚠️ คำเตือน! เนื้อหาในบทความเป็นเพียงข้อเสนอแนะเท่านั้น ไม่ได้เชิญชวนหรือแนะนำให้ท่านลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่อาจมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น จึงควรใช้วิจารณญาณและพิจารณาความเหมาะสมก่อนตัดสินใจใด ๆ⚠️

 

ภัยพิบัติในประเทศไทยมีอะไรบ้าง?

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงในการเกิดภัยพิบัติได้หลายรูปแบบ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศและสภาพอากาศที่หลากหลาย โดยภัยพิบัติที่มักเกิดขึ้นบ่อยในประเทศ มีดังนี้

ภัยพิบัติ

สาเหตุการเกิด

ความบ่อยในการเกิด

น้ำท่วม

     • ฝนตกหนัก

     • แม่น้ำล้นตลิ่ง

     • ระบบระบายน้ำไม่เพียงพอ

 • เกิดบ่อยในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคใต้

ภัยแล้ง

     • ปริมาณฝนลดลง

     • อุณหภูมิสูง

     • ขาดการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

 • เกิดเกือบทุกปี โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ดินถล่ม

     • ฝนตกหนักติดต่อกัน

     • โครงสร้างดินอ่อนแอ

 • เกิดบ่อยในพื้นที่ภูเขา เช่น ภาคเหนือและภาคตะวันตก

พายุ

     • ความกดอากาศต่ำทำให้เกิดกระแสลมหมุนเข้าไปยังจุดศูนย์กลาง เกิดเป็นพายุหมุนเขตร้อน

     • การปะทะของมวลอากาศที่แตกต่างกัน

 • เกิดเป็นประจำในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะภาคใต้และภาคตะวันออก

แผ่นดินไหว

     • การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก

     • การเลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก

 • ไม่บ่อยนัก แต่มีความเสี่ยงในภาคเหนือและภาคตะวันตก

สึนามิ

     • แผ่นดินไหวใต้ทะเล

     • ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ

 • เกิดไม่บ่อย แต่มีโอกาสเกิดบริเวณชายฝั่งอันดามัน

ไฟป่า

     • อากาศร้อนและแห้ง

     • การเผาป่าเพื่อการเกษตร

 • เกิดบ่อยในภาคเหนือช่วงหน้าแล้ง

ฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ

     • ควันจากการจราจร

     • การเผาป่า

     • อุตสาหกรรม

 • เกิดประจำในเมืองใหญ่และภาคเหนือ โดยเฉพาะหน้าหนาว

 

น้ำท่วมคืออะไร?

น้ำท่วม คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปริมาณน้ำล้นไหลเข้าสู่พื้นที่ที่ไม่สามารถรองรับน้ำได้และไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน หรือการสะสมของน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ และเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดทำให้ปริมาณน้ำสูงขึ้นเกินรับมือ โดยเกิดได้ทั้งจากภัยธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์

ความหมายของน้ำท่วม

 

น้ำท่วมเกิดจากอะไร?

น้ำท่วมเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่สาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งภัยธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ ดังนี้

1. ฝนตกหนัก: ปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน โดยเฉพาะช่วงฤดูมรสุม ทำให้แผ่นดินไม่สามารถดูดซับน้ำได้เพียงพอ ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งหรือพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้

2. การจัดการน้ำที่ไม่เหมาะสมและไม่เพียงพอ: โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาทางเมืองที่ไม่คำนึงถึงระบบระบายน้ำที่มีอยู่ การจัดเก็บน้ำในเขื่อนมีข้อจำกัด และการจัดการน้ำภายในชุมชนไม่สามารถรับปริมาณน้ำที่สูงขึ้นได้ ส่งผลให้น้ำสะสมจนเกิดภาวะน้ำท่วมได้

3. น้ำทะเลหนุนสูง: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ฝนตกบ่อยขึ้นและน้ำทะเลสูงขึ้น อาจทำให้เกิดการท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้ชายฝั่ง

4. พายุ: การเกิดพายุที่มีปริมาณน้ำฝนมากในระยะเวลาสั้น ๆ สามารถทำให้เกิดน้ำท่วมได้ 

5. การตัดไม้ทำลายป่าและพัฒนาพื้นที่ไม่เหมาะสม: การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำพื้นที่ไปใช้ในการเกษตรหรือการขยายเมือง ส่งผลให้การพัฒนาเมืองรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนพื้นที่รองรับน้ำฝน ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่การเกษตรและที่ดินชุ่มน้ำถูกเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นเขตเมือง ทำให้ไม่เหลือพื้นที่ที่สามารถรองรับน้ำได้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมได้ง่ายขึ้นในช่วงฤดูฝน

 

ผลกระทบของน้ำท่วมมีอะไรบ้าง?

น้ำท่วมส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยความเสียหายที่เห็นได้ทันที คือ ชีวิตมนุษย์, บ้านเรือน, ห้างสรรพสินค้า, โรงงาน, บริษัท และธุรกิจต่าง ๆ ในส่วนของความเสียหายด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การเกษตร, อุตสาหกรรม, การท่องเที่ยว และการคมนาคม จะเห็นได้ว่าผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินและการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ผลผลิตภายในประเทศ (GDP) ลดลง ในขณะเดียวกันภาคการผลิตต่าง ๆ อาจประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบหรือความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น

 

แนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันน้ำท่วม

1. การพัฒนาระบบระบายน้ำและพื้นที่กักเก็บน้ำ การวางระบบระบายน้ำในเขตเมืองและชนบทให้สามารถรองรับน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การจัดการเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการน้ำ โดยลดความเสี่ยงที่เขื่อนจะล้นและทำให้เกิดน้ำท่วม

3. การอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำและช่วยลดความรุนแรงของน้ำท่วม

4. การจัดทำแผนเตรียมพร้อมและฝึกซ้อม การเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งภาครัฐและเอกชน

แนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันน้ำท่วม

 

น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างไร?

น้ำท่วมมักส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนทั้งด้านบวกและด้านลบ ดังนี้

 

ผลกระทบด้านลบของน้ำท่วมต่อเศรษฐกิจและการลงทุน

1. ความสูญเสียเชิงโครงสร้างและทรัพย์สิน น้ำท่วมหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ เช่น แผ่นดินไหว, พายุ และไฟป่า ล้วนก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและโครงสร้างของธุรกิจได้อย่างรุนแรง โดยมักทำให้เกิดการหยุดชะงักในการดำเนินงาน และนำไปสู่การเกิดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือฟื้นฟู ส่งผลให้ธุรกิจต้องเผชิญกับผลประกอบการติดลบและขาดทุนได้
2. ความล่าช้าของโครงการ การเกิดน้ำท่วมมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการก่อสร้างและการพัฒนาต่าง ๆ ส่งผลให้โครงการต้องหยุดชะงัก ทำให้กระบวนการดำเนินงานเกิดความล่าช้า สถานการณ์นี้ทำให้โครงการที่เคยคาดว่าจะเสร็จตามกำหนดเวลาต้องเลื่อนออกไป ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้สูญเสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญไปอย่างน่าเสียดาย ความเสียหายนี้จึงส่งผลกระทบต่อทั้งเจ้าของธุรกิจและพนักงานโดยตรง
3. ความผันผวนของตลาด สำหรับนักลงทุน การเกิดน้ำท่วมส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากความผันผวนในตลาดที่เกิดจากภัยพิบัติดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจต่าง ๆ ความไม่แน่นอนนี้ ทำให้ราคาหุ้นและสินทรัพย์ทางการเงินมีการเคลื่อนไหวที่ไม่เสถียร ซึ่งนำไปสู่การเกิดความไม่มั่นใจในตลาดการลงทุน อาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจโดยรวมลดลง

 

ผลกระทบด้านบวกของน้ำท่วมต่อเศรษฐกิจและการลงทุน

1. โอกาสในการฟื้นฟูธุรกิจ น้ำท่วมสามารถถูกมองว่าเป็นโอกาสในการฟื้นฟูและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับธุรกิจและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยกระบวนการฟื้นฟูนี้ไม่เพียงแต่สร้างงานให้กับประชาชน แต่ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กลุ่มแรงงานที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากนี้ การฟื้นฟูดังกล่าวยังเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจนำไปสู่การลงทุนใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในอนาคต
2. กระตุ้นความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่เกิดน้ำท่วมหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ ความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาภัยพิบัติจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น กระสอบทราย, อุปกรณ์ระบายน้ำ, อาหารสำเร็จรูป, วัสดุก่อสร้างสำหรับการซ่อมแซม และอุปกรณ์ป้องกันภัยพิบัติ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูชีวิตประจำวันให้กลับคืนสู่สภาพปกติ แต่ยังเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อีกด้วย

 

แนวทางการลงทุนในช่วงวิกฤตน้ำท่วม

การลงทุนเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมสามารถทำได้ ดังนี้

1. ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ผลิตภัณฑ์ยา, อาหารกึ่งสำเร็จรูป, เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูงในช่วงวิกฤตน้ำท่วม การเลือกลงทุนในกลุ่มสินค้าดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยรับประกันความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังสนับสนุนการดำรงชีวิตของผู้คนในช่วงเวลาที่ยากลำบากอีกด้วย

2. การลงทุนในภาคประกันภัยซึ่งครอบคลุมความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน

3. ควรพิจารณาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบระบายน้ำและพลังงานทดแทน เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนในระยะยาวอีกด้วย

4. การกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มสินทรัพย์ที่หลากหลายจะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวม พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน

 

วิธีการปรับพอร์ตการลงทุนเมื่อเกิดวิกฤตน้ำท่วม

 

1. กระจายความเสี่ยงของพอร์ต

การจัดสรรพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือทองคำ สามารถช่วยลดความผันผวนในช่วงวิกฤตได้ นอกจากนี้ การกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศหรืออุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงน้อยจากน้ำท่วม เช่น เทคโนโลยีและสุขภาพก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีครับ

2. หลีกเลี่ยงการลงทุนในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนัก

นักลงทุนควรพิจารณาทบทวนการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วม เช่น การเกษตรและการท่องเที่ยว การลดสัดส่วนการลงทุนในภาคเหล่านี้ชั่วคราวอาจช่วยบรรเทาความเสี่ยงในระยะสั้นได้

 

3. ถือสินทรัพย์สภาพคล่องสูง

ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน การถือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงช่วยให้นักลงทุนมีความยืดหยุ่นในการจัดการพอร์ตมากขึ้น เช่น เงินสดหรือหุ้นจากบริษัทที่จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ สามารถทำหน้าที่เป็นที่พักพิงในช่วงเวลาที่ต้องการรักษาสภาพคล่อง

 

4. ติดตามข่าวสารและปรับพอร์ตตามสถานการณ์

น้ำท่วมอาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีผลกระทบในระยะยาว การติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ นักลงทุนควรเตรียมพร้อมที่จะปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพิจารณาความเสี่ยงในระยะยาวอยู่เสมอ

 

แนวโน้มหุ้นในช่วงน้ำท่วม

 

ลำดับ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เสียประโยชน์ ผลกระทบ ตัวอย่างหุ้น
1 กลุ่มประกันวินาศภัย ได้รับผลกระทบมาก ค่าสินไหมปรับตัวสูงขึ้น

 • SCB Life

 • Thai Insurance

2 กลุ่มยานยนต์ การผลิตลดลงเนื่องจากปิดโรงงาน

 • Toyota Thailand

 • Mitsubishi Motors

3 กลุ่มสถาบันการเงิน (ปล่อยกู้ยานยนต์) ได้รับผลกระทบจากผู้กู้ไม่สามารถชำระได้

 • Krungthai Bank

 • Kiatnakin Bank

4 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อใหม่ล่าช้าและปัญหาการผิดชำระหนี้

 • Bangkok Bank

 • Siam Commercial Bank

5 กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โครงการก่อสร้างล่าช้า  • Italian-Thai Development
6 กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย การตัดสินใจซื้อบ้านชะลอ

 • Land and Houses

 • Pruksa Real Estate

7 กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม พื้นที่นิคมฯ ได้รับความเสียหาย

 • Amata Corporation

 • WHA Corporation

8 กลุ่มท่องเที่ยว อาจได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องน้ำท่วม

 • Thai Airways

 • Minor International

9 กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลกระทบปานกลางจากการหยุดผลิต

 • Hana Microelectronics

 • Delta Electronics

10 กลุ่มบันเทิง รายได้หลักหดหาย ชะลอการโฆษณา

 • GMM Grammy

 • Major Cineplex

11 กลุ่มสื่อสาร ผลกระทบเล็กน้อยจากการผิดชำระหนี้

 • Advanced Info Service

 • True Corporation

12 กลุ่มเหล็ก ผลกระทบระยะสั้นจากการขนส่ง

 • Thai Steel Cable

 • Siam Steel

 

ลำดับ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ ผลกระทบ ตัวอย่างหุ้น
1 กลุ่มค้าปลีก ได้ประโยชน์จากการกักตุนสินค้าของประชาชน

 • CP All

 • Big C Supercenter

2 กลุ่มเกษตรและอาหาร ไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ

 • Charoen Pokphand Foods

 • Betagro

3 กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ความต้องการวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น

 • Siam Cement Group

 • SCG

 

สรุปวิกฤตน้ำท่วมส่งผลให้เศรษฐกิจร่วง และการรับมือภัยพิบัติที่เลี่ยงไม่ได้

น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่อย่างไรก็ตาม การเตรียมพร้อมทั้งในระดับบุคคลและการลงทุนที่ยืดหยุ่นสามารถช่วยลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของเราในระยะยาวได้
การรับมือกับผลกระทบจากน้ำท่วมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องใส่ใจ การเข้าใจถึงผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและการปรับพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้นักลงทุนสามารถฝ่าวิกฤตได้อย่างมั่นคง การเตรียมตัวที่ดีและความยืดหยุ่นในการจัดการพอร์ตจะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความมั่นคงทางการเงินและเติบโตไปได้แม้ในยามที่เศรษฐกิจเผชิญกับวิกฤต

 

⚠️ การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ดังนั้นควรเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วยการวางแผนที่ดีและการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดครับ ⚠️

--------------------------------------------------------

สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้

อัปเดตข่าวสารการลงทุนในตลาด Forex : คลิกที่นี่

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกที่นี่

อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM