Arbitrage ในตลาด Forex ที่ฟังเหมือนดูดี แต่ทำไมเทรดเดอร์ไม่นิยม ?

Arbitrage คืออะไร? สามารถสร้างกำไรโดยไม่มีความเสี่ยงจริงไหม? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่เป็นที่ถกเถียงกันในกลุ่มนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากตามธรรมชาติของตลาด Forex แล้วนั้นถือว่าเป็นตลาดที่มีความผันผวนเป็นอย่างมาก ทำให้การเอาชนะนะตลาดโดยไม่มีความเสี่ยงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ค่อนข้างยาก ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นเหตุผลให้เทรดเดอร์จำเป็นต้องหากลยุทธ์การเทรดที่หลากหลายมาเพื่อเอาชนะตลาด โดยกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่รู้จักก็คือการเทรดโดยใช้ Indicator แต่ว่ามีอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดอีกด้วย โดยกลยุทธ์นั้นก็คือ "การเทรด Arbitrage"

ในบทความนี้ทางทีมงาน Fxbrokerscam จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Arbitrage ในตลาด Forex ที่ฟังเหมือนดูดี แต่ทำไมเทรดเดอร์ไม่นิยม ? เพื่อให้ทุกท่านสามารถเข้าใจการเทรด Arbitrage ได้มากยิ่งขึ้นครับ

Arbitrage หรือ อาร์บิทราจ คือ กลยุทธ์การทำกำไรรูปแบบหนึ่งในตลาด โดยทำกำไรจาก "ช่องว่างของราคา" สินทรัพย์ชนิดเดียวกันในตลาดที่แตกต่างกัน หรือซื้อขายในตลาดเดียวกันในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่ง Arbitrage เป็นกลยุทธ์ที่สามารถใช้ได้กับการลงทุนทั่ว ๆ ไป โดยเฉพาะในตลาด Forex 

อย่างไรก็ตาม การเทรด Arbitrage นั้นไม่สามารถการันตีได้ว่า จะสามารถซื้อขายสินทรัพย์ประเภทใดในตลาดใดได้ เพราะแต่ละช่วงเวลาของการซื้อขายสินทรัพย์ประเภทนั้น ๆ อาจทำได้เพียงซื้อขายในตลาดหนึ่ง ขณะที่ในอีกตลาดหนึ่งไม่สามารถซื้อขายได้ ทำให้การเทรด Arbitrage จำเป็นต้องหาจังหวะของตลาดทั้ง 2 ให้ดี นอกจากนี้ Arbitrage ในตลาด Forex เริ่มมีการทำได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากโบรกเกอร์หลายราย เริ่มพยายามหาทางปิดช่องว่างที่จะเกิดจาก Arbitrage มากยิ่งขึ้นครับ

การเทรด Arbitrage มีหลายรูปแบบ แต่รูปแบบหลัก ๆ ที่เทรดเดอร์ใช้จะมี 2 วิธีดังนี้

1. Simple Arbitrage

หลักการทำงานของ Simple Arbitrage คือการซื้อขายสินทรัพย์ชนิดเดียวกัน ในตลาดที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้ได้ราคาที่ต่างกัน จากนั้นนำสินทรัพย์ที่ซื้อจากตลาดที่ราคาต่ำกว่าไปขายในตลาดที่ราคาสูงกว่า

วิธีนี้จะทำให้เทรดเดอร์ได้ส่วนต่างจากราคานั่นเองครับ โดยข้อดีก็คือเป็นวิธีที่ง่าย, สะดวก และนักลงทุนส่วนใหญ่นิยมใช้และใช้มาอย่างยาวนาน แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะมีการแข่งขันสูงจากนักลงทุนที่ใช้วิธีการเดียวกัน และมีค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ซึ่งหากคำนวณไม่ดี อาจจะทำให้เปลี่ยนจากได้กำไรเป็นขาดทุนได้ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่สูงกว่าวิธีอื่น เพราะราคาของตลาดมีความผันผวนตลอดเวลา

2. Triangular Arbitrage

หลักการทำงานของ Triangular Arbitrage คือการซื้อขายสินทรัพย์ 3 ชนิดในตลาด โดยใช้ความสัมพันธ์ของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่ง Triangular Arbitrage ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่า Simple Arbitrage แต่มีความซับซ้อนในการคำนวณ และขั้นตอนในการซื้อขายไปมา โดยวิธีนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ยังไม่แพร่หลายในการนำไปปฏิบัติของกลุ่มเทรดเดอร์ แต่จะใช้กันในกลุ่มของนักลงทุนสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ที่มองเห็นช่องว่างในการทำกำไรส่วนนี้เท่านั้น

การทำงานของ Arbitrage สามารถทำได้ 2 วิธี ดังต่อไปนี้

1. หาช่องว่างของตลาดให้เจอ

มาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรกของ Arbitrage นั่นก็คือ การหาช่องว่างของตลาดให้เจอก่อน เพื่อหาลู่ทางในการเริ่มซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดนั้น ๆ  ซึ่งวิธีการเทรดที่เป็นที่รู้จักในตลาด Forex คือ Arbitrage แบบ Triangular Arbitrage หรือการเปิดออเดอร์ 3 คู่สกุลเงิน นั่นเองครับ

2. การคำนวณความคุ้มค่า

ขั้นตอนที่สอง คือ การคำนวณความคุ้มค่าจากการเทรด Arbitrage ครับ โดยมักคำนวณการทำกำไรกับต้นทุนว่า มีความคุ้มค่าในการเทรด Arbitrage หรือไม่? ซึ่งจะคำนวณจากต้นทุน Arbitrage 2 ข้อ ดังต่อไปนี้

• ค่าคอมมิชชัน โดยจะต้องเสียเมื่อมีการซื้อขายสินทรัพย์ผ่านโบรกเกอร์
• ค่าธรรมเนียมหรือค่า Swap จะถูกคิดเมื่อมีการซื้อขายสินทรัพย์เกิดขึ้น

จากที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่ากลยุทธ์ Arbitrage ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเทรดเดอร์มากที่สุดก็คือ คือ Triangular Arbitrage หรือการเปิดออเดอร์ 3 คู่สกุลเงิน เพื่อให้ค่าเงินถูกคานซึ่งกันและกัน แต่วิธีนี้มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก จึงไม่ได้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่เทรดเดอร์มากนัก โดยขอยกตัวอย่างการเทรด Arbitrage แบบ Triangular Arbitrage เพื่อให้เทรดเดอร์ได้เห็นภาพมากยิ่งขึ้นครับ 

ขั้นตอนที่ 1 : Triangular Arbitrage

ตลาด A และ ตลาด B มีการเปิดออเดอร์ โดยกำหนด 3 คู่สกุลเงิน ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และเยน (JPY) ดังนี้

• 1 USD = 1 AUD
• 1 USD = 138 JPY
• 1 JPY = 0.01 AUD

ขั้นตอนที่ 2 : Triangular Arbitrage

สิ่งที่เทรดเดอร์มักทำในการเทรด Arbitrage แบบ Triangular Arbitrage คือ 

• เปิดออเดอร์ Buy คู่ที่ 1 = USDAUD (ตลาด A)
• เปิดออเดอร์ Sell คู่ที่ 2 = USDJPY (ตลาด B)
• เปิดออเดอร์ Sell คู่ที่ 3 = JPYAUD (ตลาด B)

ขั้นตอนที่ 3 : Triangular Arbitrage

จากที่กล่าวมาข้างต้น การเทรด Arbitrage แบบ Triangular Arbitrage สามารถอธิบายได้ 4 ข้อ ดังต่อไปนี้ 

1. เทรดเดอร์ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ซื้อดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) โดยแลก 100 USD จะเท่ากับ 100 AUD

2. เทรดเดอร์นำสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่ซื้อมาไปแลกเป็นสกุลเงินเยน (JPY) โดยการแลก 100 USD จะเท่ากับ 13,800 JPY

3.เทรดเดอร์นำสกุลเงินเยน (JPY) แลกกลับไปเป็นสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) เพื่อทำกำไรส่วนต่าง โดยการแลก 13,800 JPY จะเท่ากับ 138 AUD

4. เทรดเดอร์จะสามารถทำกำไรการเทรด Arbitrage ได้ส่วนต่างเท่ากับ 38 บาท ซึ่งยังไม่ได้รวมกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ครับ

จุดเด่นของ Arbitrage คือ เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะการหาช่องว่างของราคาในตลาดทั้ง 2 ตลาด จากสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน มักทำให้ Arbitrage ส่งผลดีต่อตลาดในภาพรวม เนื่องจาก Arbitrage จะช่วยให้ราคาที่แตกต่างกันของสินทรัพย์ของแต่ละตลาดกลับมาสมดุล ทำให้ตลาดเพิ่มสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้ครับ

• กลยุทธ์ Arbitrage เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ที่ไม่พึ่งพาการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ แต่อาศัยเพียงความแตกต่างของราคาสินทรัพย์ใน 2 ตลาด
• เพิ่มช่องทางการทำกำไรให้กับเทรดเดอร์ได้ นอกเหนือจากการซื้อขายเมื่อราคาขึ้นลง
• สามารถใช้ได้กับสินทรัพย์หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Forex, หุ้น, สกุลเงินดิจิทัล, สินค้าโภคภัณฑ์ และอื่น ๆ
• กลยุทธ์ Arbitrage บางวิธีเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่
• ใช้เงินลงทุนน้อย สามารถทำกำไรได้จากเงินลงทุนที่ไม่มาก

แม้ว่า Arbitrage จะช่วยให้ตลาดมีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น แต่ Arbitrage ก็มีข้อจำกัดเช่นเดียวกัน กล่าวคือ โบรกเกอร์ประเภท B Book จะไม่อนุญาตให้เทรดเดอร์ทำการเทรด Arbitrage เนื่องจากเห็นว่า เป็นวิธีโกงตลาด ซึ่งในปัจจุบันนี้ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เป็นประเภท B Book เป็นส่วนมาก ทำให้เทรดเดอร์จะมีข้อจำกัดในการเทรด Arbitrage ที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ข้อจำกัดอื่น ๆ ของกลยุทธ์ Arbitrage อีกด้วยครับ เช่น

• อัตราการเสียค่า Spread สูง เนื่องจากการเทรด Triangular Arbitrage เป็นการเปิดออเดอร์ 3 ไม้ ทำให้อัตราการเสียค่า Spread นั้นจะมีจำนวนมากกว่าปกติ รวมทั้งจุดเด่นของ Arbitrage ยังมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเมื่อคำนวณกำไรจากต้นทุนแล้ว อาจได้ไม่คุ้มเสียครับ
• ต้องอาศัยตลาดที่มีสภาพคล่องสูง หากตลาดมีสภาพคล่องไม่เพียงพอจะทำให้การซื้อขายสินทรัพย์ติดขัดได้
• ใช้ต้นทุนสูงในการเทรด Arbitrage ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการซื้อขาย, ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
• ต้องอาศัยทักษะขั้นสูงและใช้เวลาในการค้นหาโอกาสในการใช้กลยุทธ์ ซึ่งเทรดเดอร์รายย่อยส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าในการรอครับ

จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า การเทรด Arbitrage เป็นการทำกำไรจากช่องว่างของตลาด โดยกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์ทราบกันดีของ Arbitrage คือ Triangular Arbitrage ที่มีความเสี่ยงต่ำ และช่วยทำให้ตลาดมีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม Arbitrage นั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของโบรกเกอร์ B Book และอัตราค่า Spread สูง ทำให้เทรดเดอร์หันไปเลือกใช้กลยุทธ์อื่น ๆ ในการทำกำไรแทน เช่น Day Trading, Swing Trading และ Indicators เป็นต้น เป็นเหตุให้ Arbitrage ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์เท่าที่ควรครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Arbitrage

คำถามที่ 1 การทำ Arbitrage คืออะไร?

⛔ Arbitrage คือ การทำกำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์จากตลาดที่แตกต่างกัน เพื่อหาโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างของราคาของตลาด 2 ตลาด ที่เกิดจากสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน

คำถามที่ 2 Arbitrage สามารถทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง ?

⛔ กลยุทธ์ Arbitrage สามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่เป็นที่รู้จักมี 2 วิธี คือ Simple Arbitrage และ Triangular Arbitrage

คำถามที่ 3 การทำงานของ Arbitrage มีหลักการอย่างไร ?

⛔ หลักการทำงานของกลยุทธ์ Arbitrage คือการหาช่องว่างในการทำกำไรของตลาดให้เจอ จากนั้นคำนวณความคุ้มค่า และสามารถซื้อขายตามกลยุทธ์ได้เลย

------------------------------------------------------------------------

สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้

อัพเดตข่าวสารการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ : คลิกที่นี่

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกที่นี่

อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM