สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 4% ในวันจันทร์ (11 เม.ย. 2565) ขณะที่สัญญาน้ำมันเบรนท์ดิ่งลงจากระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ในจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งรายงานข่าวการระบายน้ำมันของสำนักงานพลังงานสากล (IEA)
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ (WTI) ส่งมอบเดือน (พ.ค. 2565) ร่วงลง 3.97 ดอลลาร์ หรือ 4.0% ปิดที่ 94.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน (มิ.ย. 2565) ร่วงลง 4.30 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 98.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
บริษัทยูเรเซียกรุ๊ปเปิดเผยว่า สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง หลังความต้องการใช้เชื้อเพลิงในจีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้านํ้ามันรายใหญ่ที่สุดของโลกชะลอตัวลง เนื่องจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และการล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเซี่ยงไฮ้
บริษัทยูเรเซียกรุ๊ประบุว่า แม้จีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน แต่รัฐบาลจีนยังคงยืนหยัดในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้นํ้ามัน โดยคาดการณ์ว่าการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้จะส่งผลต่อปริมาณการใช้นํ้ามันในจีนลดลงกว่า 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการที่ IEA มีมติระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรล ออกจากคลังน้ำมันสำรองของประเทศสมาชิกในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่สหรัฐฯ จะมีการสมทบการระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลเช่นกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการระบายน้ำมัน 180 ล้านบาร์เรลที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศในเดือน (มี.ค. 2565)
ทั้งนี้ IEA มีสมาชิกทั้งหมด 31 ประเทศ โดยสมาชิกรายใหญ่ได้แก่ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น. ตามเวลาประเทศไทย