ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี วันจันทร์ที่ผ่านมา (9 พ.ค.) หลังนักลงทุนมองหาความปลอดภัยและผลตอบแทน จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 50 จุด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ยังคงไต่ระดับต่อไปก่อนตัวเลขเงินเฟ้อ ที่ทุกคนหวาดหวั่นว่าจะสร้างความประหลาดใจ
โดยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น สงครามในยูเครนและการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับโควิด-19 ในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ สร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนในหลายประเด็น แต่สิ่งที่มั่นใจคืออัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะสูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์
ทั้งนี้ดอลลาร์สหรัฐทำระดับสูงสุดในรอบหลายปีจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวัน วอนเกาหลีใต้ ดอลลาร์สิงคโปร์ และริงกิตมาเลเซียที่อ่อนไหวต่อการค้า เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชียร่วงลง ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเก้าเดือนเมื่อเทียบกับรูเปียห์ชาวอินโดนีเซีย ขณะที่เงินดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่าลง 0.4% ในวันจันทร์ที่ 1.3911 (เมื่อเวลา 13.00 น. ตามเวลาสิงคโปร์) สกุลเงินสิงคโปร์ลดลง 3.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์จนถึงปีนี้ นับตั้งแต่สิ้นสุดปี 2564 ที่ 1.3490
ขณะที่การคาดการณ์ว่า วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย อาจประกาศสงครามกับยูเครน เพื่อเรียกเงินสำรองในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงานฉลอง "วันแห่งชัยชนะ" ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดเช่นกัน จนถึงขณะนี้ปูตินได้แสดงลักษณะการกระทำของรัสเซียในยูเครนว่าเป็น "ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ" ไม่ใช่สงคราม หรือการบุกรุก