หลังจากธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) ออกมารายงานอัตราเงินเฟ้อนั้น ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องแก่ค่าเงินอ่อนค่าลงในหลาย ๆ ประเทศ รวมไปถึงตลาดต่าง ๆ ที่ปรับตัวตามรายงาน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการเร่งลดงบดุลของเฟด ที่กลับมากดดันเหล่านักลงทุนในตลาดสหรัฐฯ อีกครั้ง แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ นักลงทุนจะกล้าเปิดรับความเสี่ยงที่ผันผวนมากขึ้น
ผลกระทบของเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยราคาเปิดในเช้านี้ อยู่ที่ 33.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยต่างจากราคาปิดตลาดวานนี้อยู่ 0.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากบอนด์ยีลด์ที่ยังคงปรับตัวสูงสุดอยู่ที่ 2.955% คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไทยวันนี้ จะอยู่ที่ 33.80-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สำหรับค่า THAI BAHT FIX 3M (21 เมษายน 2565) อยู่ที่ระดับ 0.47805% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.55234%
สำหรับสถานการณ์การเงินทั่วโลก จากการที่เฟดเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น และความผลักผันได้ตลอดเวลาของสงคราม ส่งผลให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวลงใกล้ระดับ 10.6 จุด อีกครั้ง หลังจากวานนี้ ย่อตัวลงหลุดระดับ 100 จุด โดยเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0840 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0909 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ก็ยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ อยู่ดี โดยเงินเยน ยังคงอ่อนค่าลงสู่ระดับ 128.5 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ และกดดันให้ราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวทะลุระดับ 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ คาดว่า ราคาทองคำยังมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 1,940-1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่อไป
ในส่วนของตลาดบอนด์ จากแถลงการณ์ของเฟดที่เน้นย้ำเรื่อง แนวโน้มในการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น เพื่อคุมเงินเฟ้อ ได้กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.957% อย่างไรก็ตาม บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ อาจมีการเริ่มแกว่งตัวจากกรอบราคาได้ หากปัญหาสงครามยังคงมีความกดดัน ส่งผลให้ตลาดอาจพลิกกลับสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยงได้ หรือ รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในฝั่งสหรัฐฯ ออกมาผิดจากที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนในตลาดไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท จะยังคงอ่อนค่าลง แต่เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ โดยเฉพาะเงินเยน จะเห็นได้ว่า เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน นับว่าเป็นโอกาสที่ดี สำหรับนักลงทุนที่กำลังสนใจในตลาดของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรศึกษาความไปได้ของตลาดทุกครั้ง ก่อนการลงทุน