ญี่ปุ่นยกระดับการแทรกแซง สั่งห้ามส่งออกทองไปรัสเซีย

วิกฤตการในยูเครนก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นในเร็วนี้ หลาย ๆ ประเทศก็ได้ทำการแทรกแซงทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ด้วยความหวังที่ว่าจะช่วยให้สงครามจบลงโดยเร็วที่สุด

โดยเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นก็ได้ออกมาแถลงว่า จะสั่งห้ามการส่งออกโลหะมีค่า(ทองคำ) ไปยังรัสเซีย โดยจะเป็นการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อมอสโกเพื่อตอบโต้การรุกรานในยูเครน

การสั่งห้ามจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน 2565 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะรวมไปถึงทองคำและสินค้าฟุ่มเฟือยอื่น ๆ อย่าง เครื่องประดับ รถยนต์ระดับ High-End สุรา และเครื่องสำอาง ต่าง ๆ

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า “หากรวมกับความร่วมมือกับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ญี่ปุ่นเข้าร่วมการคว่ำบาตรต่อผู้มีอำนาจของรัสเซียและชนชั้นปกครอง”  โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ให้คำมั่นที่จะเพิ่มการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในการประชุม กลุ่ม 7 (G7) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อต้นเดือนนี้ ญี่ปุ่นก็ได้ควบคุมการส่งออกสินค้า High Tech ต่าง ๆ ไปยังรัสเซียแล้ว ซึ่งจะรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร และขณะนี้ญี่ปุ่นก็กำลังวางแผนที่จะตรวจสอบสถานะการค้าของประเทศรัสเซียที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอีกครั้ง ซึ่งอาจกดดันให้มีการสั่งห้ามนำเข้าสินค้ารัสเซียบางรายการ โดยใน่สวนของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาก็ได้ให้การสนับสนุนกฎหมายประเภทนี้เมื่อต้นเดือนมีนาคม

ส่วนสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรก็ได้คว่ำบาตรการซื้อขายทองคำรัสเซียไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการทำธุรกรรมทองคำทั้งหมดกับธนาคารกลางของรัสเซีย กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงบนเว็บไซต์ว่า "ห้ามมิให้บุคคลอเมริกันทำธุรกรรมใด ๆ รวมทั้งธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคารกลางของสหพันธรัฐรัสเซีย, กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสหพันธรัฐรัสเซีย, หรือกระทรวงการคลังของสหพันธรัฐรัสเซีย"  ในส่วนของสหราชอาณาจักรยังระบุด้วยว่าหน่วยงานใด ๆ ของอังกฤษไม่สามารถมีส่วนร่วมในการขายทองคำสำรองของมอสโกได้

เหตุผลที่ประเทศต่างๆ มุ่งเน้นไปที่การทำธุรกรรมทองคำ ก็เนื่องมาจากความกังวลว่ามอสโกอาจใช้ทองคำสำรองเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร โดย UBS สังเกตว่าเป็นสิ่งที่ติดตามได้ยาก

Joni Teves นักยุทธศาสตร์ด้านโลหะมีค่าของ UBS กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันจันทร์ กล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่จะเห็นผลกระทบดังกล่าวในตลาดทันที โดยพิจารณาจากหลายขั้นตอน" “และด้วยเหตุนี้แม้ในสถานการณ์ปกติ อาจต้องใช้เวลาสองสามเดือนกว่าที่เราเห็นรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองของธนาคารกลางต่อ IMF” 

หากอิงจากข้อมูลล่าสุดของ IMF รัสเซียถือครองทองคำเกือบ 2,300 ตัน ณ สิ้นเดือนมกราคม ซึ่งถือเป็นเจ้าของทองคำรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก  การแทรกแซงนี้จึงอาจมีผลต่อตลาดทองคำในรัสเซียได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งผลลัพธ์ด้านการสั่งห้ามนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ก็จะต้องติดตามกันต่อไป

การแทรกแซงครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในการกดดันที่พุ่งเป้าไปที่สินทรัพย์ปลอดภัยของรัสเซียที่ได้รับการกดดัด้านอื่นจากนานาชาติหนักโดยระดับนึงแล้ว โดยอาจจะส่งผลถึงสภาพคล่องตัวของทองคำโดยเฉพาะในกลุ่มของผู้มีอำนาจหรือชนชั้นสูงของรัสเซีย โดยหลายฝ่ายต่างหวังว่าจะช่วยกดดันให้รัสเซียหยุดการรุกรานโดยเร็วที่สุด