ทำเนียบขาวคาดค่าเงินเฟ้อในเดือนมีนาคม 2565 จะพุ่งแรง ก่อนการแถลงอย่างเป็นทางการวันนี้ (12 เมษายน 2565)

ทีมบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แสดงความกังวลต่อค่าเงินเฟ้อประจำเดือนมีนาคม 2565 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีแผนที่จะเปิดเผยในวันนี้ว่า ค่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะพุ่งขึ้นอย่างดุเดือด อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ในวันนี้ เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย (12 เมษายน 2565) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ มีแผนที่จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมีนาคม 2565 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคหรือ CPI จะพุ่งขึ้นกว่า 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งนับว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2524

เมื่อวานนี้ (11 เมษายน 2565) นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ดัชนี CPI จะพุ่งขึ้นอย่างมาก อันเป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทาน และทำให้ราคาสินค้าผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะมีแผนเปิดเผยทั้งดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งคำนวณราคาจากสินค้าผู้บริโภคทุกประเภท และดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งจะไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน

ทำเนียบขาวคาดการณ์ว่า ทั้งสองดัชนีอย่าง CPI ทั่วไปและ CPI พื้นฐานจะพุ่งขึ้นอย่างมาก เนื่องจากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นอย่างผิดปกติในเดือนมีนาคม 2565 โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์อเมริกา (AAA) ได้ระบุว่า “ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 4.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อแกลลอน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา” นางเจน ซากี ได้กล่าวเสริมเกี่ยวกับราคาน้ำมันเบนซินว่า “ในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาน้ำมันเบนซินได้พุ่งขึ้นสูงกว่าระดับก่อนการเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เราคาดว่า ราคาทำมันเบนซินที่พุงขึ้นกว่า 25% นั้น จะผลัดกันให้ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมีนาคม 2565 พุ่งขึ้นตามไปด้วย” สำหรับในส่วนของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนี CPI พุ่งขึ้นถึง 7.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2525

ทั้งนี้ทำให้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (11 เมษายน 2565) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อประมาณ 0.5% ในการประชุมทั้งในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2565 โดยอัตราดอกเบี้ยอาจแตะระดับ 2.5-2.75% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสูงกว่าระดับที่กรรมการของเฟดส่วนใหญ่มองว่าเป็นระดับกลางถึง 2.4% 

อย่างไรก็ตามในวันนี้ (12 เมษายน 2565) เวลาไทย 19.30 น. เราก็ต้องติดตามการประกาศอย่างเป็นทางการอีกทีเพื่อดูแนวโน้มความเป็นไปได้ในการลงทุน