Bernard Dahdah นักวิเคราะห์โลหะมีค่าชี้ว่า ตลาดทองคำอาจเผชิญหน้าการล่วงของราคากว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเบี้ยประกัน Safe-Haven ทางภูมิรัฐศาสตร์อ่อนตัวลง หลังจากรัสเซียแถลงการณ์ว่าจะลดระดับการทำสงครามในยูเครน อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นการทรุดของราคาทองคำหรือแร่เงิน เนื่องจากโลหะมีค่ามีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่บางประการตามที่
นักวิเคราะห์โลหะมีค่าของ Natixis, Bernard Dahdah ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าว Kitco ว่าตลาดทองคำจะยังคงผันผวนในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากตลาดยังคงตอบสนองต่อหัวข้อข่าวเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนอยู่ เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางตลาดควรเพิกเฉยต่อคำพูดของรัสเซียจนกว่าจะหยุดโจมตี” อย่างไรก็ตาม เขาเสริมอีกว่า “ถ้าจะให้ทองคำสูงขึ้น สงครามจำเป็นต้องทวีความรุนแรงขึ้น และผมไม่เห็นว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น เว้นแต่รัสเซียจะตัดสินใจใช้สินค้าโภคภัณฑ์เป็นอาวุธ และตัดการส่งออกน้ำมันและก๊าซไปยังยุโรป” เขากล่าว “ในระยะอันใกล้นี้ ผมเห็นราคาทองคำกำลังลดลง แต่มันจะไม่ทรุดตัวแน่นอน”
ถ้ามองข้ามความขัดแย้งในยุโรปตะวันออก Dahdah กล่าวว่า เขาเห็นการซื้อขายทองคำในกรอบการซื้อขายใหม่ โดยได้รับการสนับสนุนราคาที่ประมาณ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เขาอธิบายว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้สร้างราคาพื้นฐานใหม่สำหรับทองคำ ในขณะเดียวกัน Dahdah กล่าวว่า เขาเห็นว่าแร่เงินกำลังมีราคาพื้นฐานใหม่ที่ 22 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามเขาเสริมด้วยว่าแร่เงินสามารถได้เปรียบกว่าทองคำเล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์ของอุตสาหกรรมต้องดิ้นรนเมื่อเผชิญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแอ ปัจจุบัน ตลาดต่าง ๆ กำลังกำหนดราคาโดยอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงเจ็ดครั้งในปีนี้ และดูการเคลื่อนไหวของ BPS 50 สองครั้ง ในปีนี้
แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น Dahdah ตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในส่วนที่เป็นลบ เขาเสริมว่า การทำสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนกำลังสร้างปัญหาระยะยาวในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปตลอดปี 2022 “อัตราดอกเบี้ยจะลดลงเล็กน้อยในปีนี้ แต่ก็ยังติดลบและซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทองคำ” Dahdah กล่าว “สมมติว่ารัสเซียจะยุติสงครามในวันนี้ แต่การคว่ำบาตรจะยังคงดำเนินต่อไปชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น ขับเคลื่อนเงินเฟ้อ นอกจากนี้เรายังคาดว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงสูงขึ้น เนื่องจากประเทศฝั่งตะวันตกปลีกตัวเองออกจากการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซีย”
Dahdah ยังตั้งคำถามต่อธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่ออัตราเงินเฟ้อกำลังทำลายเงินทุนของผู้บริโภคและทำให้การเติบโตช้าลง ในฝั่งของยุโรปก็ยิ่งถือว่าแย่กว่า เนื่องจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น Dahdah กล่าวอีกว่า หากรัสเซียเลิกจำหน่ายสินค้าด้านพลังงานให้กับยุโรป ทั้งภูมิภาคอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
โดยสรุปคือแม้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ Safe Haven ก็ยังสามารถได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครนตอนนี้ ประกอบกับปัจจัยต่าง ๆ ยังส่งผลให้เกิดปัญหาด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น หรือการถดถอยทางเศรษฐกิจที่สามารถจะสร้างผลได้ตลอดยาวทั้งปี จึงปฏิเสธที่จะพูดไม่ได้เลยว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ระหว่างยูเครนและรัสเซียกำลังส้รางผลกระทบในวงกว้าง