ราคาน้ำมันดิ่ง! มากกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลัง “ไบเดน” ปล่อยน้ำมันสำรองจำนวนมาก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันลดต่ำลงมากกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในเช้าวันพฤหัสบดีนี้โดยเกิดจากที่ทีมบริหารของไบเดนกำลังชั่งน้ำหนักการปล่อยน้ำมันสำรองกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ในการจัดการกับราคาน้ำมันดิบที่กำลังพุ่งขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้

การกระทำนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลงไปกว่า 5.04 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 4.52% อยู่ที่ 106.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ WTI ตกลงไป 5.94 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 5.51% อยู่ที่ 101.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (เวลาไทย 10.36 น. GMT + 7)

โดยทางทีมบริหารของไบเดนจะประกาศอีกครั้งในวันพฤหัสบดีนี้ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่า จะมีการประกาศแผนการดังกล่าวโดยมุ่งเป้าไปที่การลดราคาน้ำมันเบนซิลที่ทำสถิติราคาสูงสุดหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นประมาณ 3% ในวันพุธที่ผ่านมา ได้แรงหนุนมาจากความกังวลด้านอุปทานเนื่องจากการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียซึ่งเรียกการกระทำของตนเองว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษ” และยูเครนที่ดูเหมือนจะชะงักลง

“มันเป็นความรู้สึกที่ช็อกอยู่บ้าง แต่หากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาชี้ให้เห็นถึงสิ่งใดก็ตาม การปล่อยปริมาณของสำรองล้วนเป็นการแก้ไขชั่วคราวเท่านั้นเหมือนกับการใช้พลาสเตอร์ปิดแผลบนขาที่หัก” Stephen Innes ผู้จัดการหุ้นส่วนของ SPI Asset Management กล่าวไว้

ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทีมบริหารของไบเดนได้กล่าวว่า ทางสหรัฐฯ จะปล่อยน้ำมันกว่า 30 ล้านบาร์เรลจากคลังสำรองซึ่งเป็น 1 ในแผนของการปล่อยน้ำมันทั้งหมด 60 ล้านบาร์เรลทั่วโลกเพื่อลดราคาน้ำมันลง

การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากหุ้นน้ำมันสหรัฐฯ ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลจนถึงในช่วงวันที่ 25 มีนาคมซึ่งเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรล แต่ความต้องการใช้น้ำมันเบนซิลและน้ำมันกลั่นก็ลดลงเช่นกัน

ความต้องการที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเกิดขึ้นเนื่องจากกำลังผลิตของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 11.7 ล้านบาร์เรลต่อวันหลังจากซบเซาที่ 11.6 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ในโลกที่เป็นโลกาภิวัฒน์แบบนี้การกระทำเพียงการกระทำเดียวอาจจะส่งผลกระทบถึงหลากหลายกลุ่ม ดูเหมือนว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะส่งผลกระทบอย่างมากแก่เศรษฐกิจโลกและหลาย ๆ ประเทศกำลังช่วยกันหาทางแก้ไข สำหรับนักลงทุนก็ควรศึกษาแนวโน้มและคอยอัพเดตข่าวสารให้ใกล้ชิดเพื่อผลประโยชน์ของตัวท่านเอง