สินทรัพย์ปลอดภัยทองคำ ปิดร่วง 1.37% นักลงทุนแห่ขาย หลังการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนล่าสุด

หลังจากการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน ครั้งล่าสุดที่มีการเปิดเผยจาก นายเมฟลุต คาสวูโซกูล  รมว. ต่างประเทศตุรกี ว่าการเจรจามีความคืบหน้ากว่าทุกครั้ง จากการรายงานของสำนักข่าวทาสส์ของรัสเซีย ที่ได้รายงานว่า ว่ารัสเซียจะมีการลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และเมืองเชอร์นิฮัฟ เพื่อเพิ่มความไว้วางใจต่อการเจรจาต่อการเจรจาสันติภาพในครั้งถัดไป เช่นเดียวกันกับทางคณะเจรจาสันติภาพของยูเครน ที่ได้ยื่นข้อเสนอในการเจรจา โดยระบุว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับประเทศใด และไม่ยินยอมให้ต่างชาติเข้ามาตั้งฐานทัพใด ๆ ในประเทศ

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ล่าสุดสัญญาทองคำในตลาด COMEX (Commodity Exchange) ที่ส่งมอบเดือนมิถุนายน ร่วงลงกว่า 26.7 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.37% ปิดที่ 1,918 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากเหตุการณ์การเจรจาสันติภาพของรัสเซีย-ยูเครน จะส่งผลต่อการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนแล้ว ล่าสุดหลังจากการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ทำให้นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่น และขายสินทรัพย์ปลอดภัยออกไปมากขึ้น 

จากการรายงานผลสำรวจจาก เอสแอนด์พี คอร์โลจิก ชิลเลอร์ ได้ระบุว่า  ดัชนีราคาบ้านในสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 19.2% ในเดือน ม.ค. ในขณะที่เทียบรายปีจากเดือน ธ.ค. จะอยู่ที่ระดับ 18.9% เท่านั้น ซึ่งนี่แสดงถึงอุปสงค์ของผู้ซื้อบ้านเป็นจำนวนมาก แม้ว่าปัจจุบันดอกเบี้ยในการจำนองจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม  โดยผลสำรวจจาก เอสแอนด์พี คอร์โลจิก ชิลเลอร์ นั้น มีผลที่สอดคล้องกับ ผลสำรวจจากทางด้านสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ Conference Board ที่ได้ระบุถึงแนวโน้มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 107.2 ในเดือน มี.ค. ในขณะที่เดือน ก.พ. อยู่ที่ระดับ 105.7 เท่านั้น

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นจากทางผู้บริโภคก็มาจากการได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มตลาดแรงงานที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงจำนวนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีการชะลอตัวลงนั่นเอง นี่จึงถือเป็นทิศทางก้าวใหม่ของเศรษฐกิจที่น่าจับตามองถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป