ในตลาด Forex ที่เปรียบเสมือนสมรภูมิการเงินอันดุเดือด เหล่านักลงทุนต่างกระโจนเข้ามาเสี่ยงดวงเพื่อหวังคว้ากำไรมหาศาล ด้วยความที่ตลาด Forex นั้นเปิดให้ซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง จึงเปรียบเสมือนดินแดนแห่งโอกาสที่ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก หนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุน Forex ก็คือ กลยุทธ์ Price Action หรือ กลยุทธ์การวิเคราะห์จากกราฟเปล่า นั่นเองครับ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของกลยุทธ์ Price Action ไม่ว่าจะเป็นข้อดีและข้อเสีย ไปจนถึงเทคนิคการใช้กลยุทธ์นี้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณกลายเป็นนักล่ากำไรในตลาด Forex ได้อย่างมืออาชีพ
Price Action คือการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ทางเทคนิคประเภทหนึ่งที่ใช้การศึกษาพฤติกรรมของราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Indicators) เพียงอย่างเดียว แต่จะพิจารณาจากรูปแบบ Pattern ของกราฟครับ
เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Price action จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์รูปแบบของกราฟราคา เช่น รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns), แนวโน้ม (Trends) และจุดสูงสุดและต่ำสุดสำคัญ (Support and Resistance Levels) โดยเชื่อกันว่ารูปแบบเหล่านี้บ่งบอกถึงความรู้สึกของนักลงทุนและสามารถนำไปใช้เพื่อคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดครับ
กลยุทธ์ Price Action เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่ใช้ในการบ่งบอกราคาของสินทรัพย์ใน Time Frame ที่ต้องการ สามารถใช้ในการวิเคราะห์กราฟสำหรับการเทรดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ Price Action ยังมีความสำคัญหลัก ดังนี้
ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดย Price Action จะแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของราคาใน Time Frame ต่าง ๆ ว่าราคามีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางขาขึ้นหรือขาลง
ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ โดยอาศัยข้อมูลราคาในอดีต ซึ่งหากเทรดเดอร์หมั่นศึกษาภาพรวมของกราฟ จะสามารถเพิ่มโอกาสในการคาดการณ์แนวโน้มของพฤติกรรมราคาได้แม่นยำมากขึ้น
ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้ในทุกสภาวะตลาด โดยกลยุทธ์ Price Action จะสามารถใช้ได้ตลอดไม่ว่าราคาตลาดจะผันผวนหรือทรงตัว
ช่วยให้สามารถเทรดได้อย่างมืออาชีพ เพราะ Price Action เป็นพื้นฐานสำคัญที่ใช้ในการพัฒนาอินดิเคเตอร์หรือเครื่องมือวิเคราะห์ต่าง ๆ ทำให้เทรดเดอร์ที่ชำนาญในการเทรดโดยใช้กลยุทธ์ Price Action สามารถพัฒนาการเทรดโดยใช้เครื่องมือได้ดีมากขึ้นด้วย
หลังจากรู้ความสำคัญของกลยุทธ์ Price Action แล้ว เทรดเดอร์จะใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างไร มีวิธีการดู Price Action อย่างไร ไปทำความรู้จักได้เลยครับ
Price Action ดูได้จากกราฟราคา โดยเฉพาะกราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts) ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึง การเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วง Time Frame ที่กำหนด
จากกราฟแท่งเทียน เราสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาได้จากองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้
ราคาเปิด (Open): ราคาที่เริ่มต้นในช่วงเวลาที่กำหนด
ราคาปิด (Close): ราคาที่สิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนด
จุดสูงสุด (High): ราคาสูงสุดที่แตะต้องในช่วงเวลาที่กำหนด
จุดต่ำสุด (Low): ราคาต่ำสุดที่แตะต้องในช่วงเวลาที่กำหนด
ตัวแท่งเทียน (Body): แท่งที่แสดงถึงช่วงราคาที่เปิดและปิด โดยแท่งเทียนสีขาวแสดงว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด และแท่งเทียนสีดำแสดงว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด
ไส้เทียน (Wick): หางที่ยื่นออกมาจากตัวแท่งเทียน แสดงถึงจุดสูงสุดหรือต่ำสุดที่ราคาเคยแตะต้องในช่วงเวลาที่กำหนด
จากองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์รูปแบบกราฟและสัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงแนวโน้มของราคาในอนาคตได้ครับ
Up bar คือแท่งเทียนขาขึ้น โดยแท่งเทียนจะมีจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) สูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงแรงซื้อที่มากกว่าแรงขายในตลาด
Up bar มักถูกตีความว่าเป็นสัญญาณขาขึ้น (Bullish Signal) แสดงถึงแนวโน้มที่ราคาจะเพิ่มขึ้นต่อไป
โดยทั่วไปแล้ว Up bar มักมีสีเขียว แสดงว่าราคาปิด (Close Price) สูงกว่าราคาเปิด (Open Price)
อย่างไรก็ตาม ไม่เสมอไปที่ Up bar จะมีสีเขียวครับ บางครั้งอาจมีสีแดงก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าราคาปิดและราคาเปิดอยู่ตรงไหนนั่นเอง
สมมติว่าราคากราฟแท่งก่อนหน้ามีจุดสูงสุดอยู่ที่ 100 และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 90
หากแท่งเทียนถัดไปมีจุดสูงสุดอยู่ที่ 105 และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 95 แสดงว่าเป็น Up bar เพราะว่าจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแท่งเทียนถัดไปนั้นสูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้าครับ
Down bar คือแท่งเทียนขาลง โดยแท่งเทียนจะมีจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงแรงขายที่มากกว่าแรงซื้อในตลาด
Down bar มักถูกตีความว่าเป็นสัญญาณขาลง (Bearish Signal) แสดงถึงแนวโน้มที่ราคาจะลดลงต่อไป
โดยทั่วไปแล้ว Down bar มักมีสีแดง แสดงว่าราคาปิด (Close Price) ต่ำกว่าราคาเปิด (Open Price) อย่างไรก็ตาม ไม่เสมอไปที่ Down bar จะมีสีแดงครับ บางครั้งอาจมีสีเขียวก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าราคาปิดและราคาเปิดอยู่ตรงไหนนั่นเอง
สมมติว่าราคากราฟแท่งก่อนหน้ามีจุดสูงสุดอยู่ที่ 100 และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 90 หากแท่งเทียนถัดไปมีจุดสูงสุดอยู่ที่ 95 และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 85 แสดงว่าเป็น Down bar เพราะว่าจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแท่งเทียนถัดไปนั้นต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้าครับ
Pin bar หรือ พินบาร์ คือรูปแบบแท่งเทียนชนิดหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาที่อาจเกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้ว Pin bar จะมีลักษณะดังนี้
มีไส้เทียน (Wick) ยาว: ไส้ของแท่งเทียนจะยาวกว่าตัวแท่งเทียนมาก แสดงถึงแรงกดดันซื้อหรือขายที่รุนแรง
ตัวแท่งเทียนสั้น: ตัวแท่งเทียนจะสั้น แสดงถึงการปิดราคาที่ใกล้เคียงกับราคาเปิด
ตำแหน่ง: Pin bar มักเกิดขึ้นบริเวณแนวรับ/แนวต้าน กรอบราคา หรือจุดกลับตัวที่สำคัญ
Pin bar สามารถใช้เป็นสัญญาณสำหรับการเข้าซื้อหรือขาย ดังนี้
Bullish Pin bar: เกิดขึ้นที่แนวรับ แสดงถึงโอกาสในการซื้อ
Bearish Pin bar: เกิดขึ้นที่แนวต้าน แสดงถึงโอกาสในการขาย
Price Action เป็นกลยุทธ์การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์รูปแบบและการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต กลยุทธ์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์ แต่ใช้วิธีการวิเคราะห์กราฟเปล่า ๆ เช่น รูปแบบแท่งเทียน, แนวรับ, แนวต้าน และเส้นแนวโน้ม
เทคนิคการเทรดด้วย Price Action ที่ได้รับความนิยม ได้แก่:
เทคนิคการเทรดไปกับแนวโน้มจะมุ่งเน้นไปที่การระบุและทำกำไรจากแนวโน้มของราคา โดยเทรดเดอร์จะเปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) เมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) และเปิดออเดอร์ขาย (Sell) เมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend)
ตัวอย่างของเทคนิคการเทรดไปกับแนวโน้ม (Trend Following)
การซื้อที่แนวรับ: ซื้อเมื่อราคาตกลงมาแตะแนวรับและแสดงสัญญาณการดีดตัวกลับขึ้น
การขายที่แนวต้าน: ขายเมื่อราคาขึ้นไปแตะแนวต้านและแสดงสัญญาณการถูกเทขาย
เทคนิคการเทรดตามแนวต้านมุ่งเน้นไปที่การเทรดระยะสั้น โดยทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในกรอบแนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance)
ตัวอย่างของเทคนิคการเทรดตามการแกว่งตัวของราคา (Swing Trade)
การซื้อที่แนวรับ: ซื้อเมื่อราคาตกลงมาแตะแนวรับและรอให้ราคาเด้งกลับขึ้นไปขายทำกำไร
การขายที่แนวต้าน: ขายเมื่อราคาขึ้นไปแตะแนวต้านและรอให้ราคาอ่อนแรงลงมาซื้อทำกำไร
เทคนิคการเทรดด้วยการคาดการณ์ผ่านรูปแบบราคามุ่งเน้นไปที่การระบุรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในอดีตและคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป
ตัวอย่างของเทคนิคการเทรดด้วยการคาดการณ์ผ่านรูปแบบราคา (Price Pattern)
รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว: รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม เช่น รูปแบบแท่งเทียนค้อน (Hammer) หรือรูปแบบแท่งเทียนดาวตก (Shooting Star)
รูปแบบกราฟ: รูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของแนวโน้มหรือจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ เช่น รูปแบบสามเหลี่ยม (Triangle) หรือรูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders)
รูปแบบ Price Action ที่เกิดบ่อย หมายถึงพฤติกรรมของแท่งเทียนที่นักเทรดสามารถสังเกตเห็นได้บ่อยบนกราฟราคา ซึ่งรูปแบบเหล่านี้มักบ่งบอกถึงแนวโน้มหรือการเปลี่ยนแปลงของราคาในอนาคต รูปแบบ Price Action ที่พบบ่อยมีดังนี้
1 |
|
Morning Star (Bullish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวของราคาจากขาลงสู่ขาขึ้น |
2 |
|
Evening Star (Bearish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวของราคาจากขาขึ้นสู่ขาลง |
3 |
|
Morning Doji Star (Bullish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวของราคาจากขาลงสู่ขาขึ้น |
4 |
|
Evening Doji Star (Bearish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวของราคาจากขาขึ้นสู่ขาลง |
5 |
|
Bullish Harami |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น |
6 |
|
Bearish Harami |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลงในระยะสั้น |
7 |
|
Bullish Engulfing |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นสูง |
8 |
|
Bearish Engulfing |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลงสูง |
9 |
|
Bullish Three Line Strike |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นสูง โดยราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว |
10 |
|
Bearish Three Line Strike |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลงสูง โดยราคาจะปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว |
11 |
|
Three Outside Up (Bullish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นสูง โดยมักเห็นสัญญาณยืนยันหลังเกิด Bullish Engulfing |
12 |
|
Three Outside Down (Bearish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลงสูง โดยมักเห็นสัญญาณยืนยันหลังเกิด Bearish Engulfing |
13 |
|
Three Star in the South (Bullish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นสูง โดยมักเกิดในช่วงตลาดขาลง |
14 |
|
Three Star in the North (Bearish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลงสูง โดยมักเกิดในช่วงตลาดขาขึ้น |
15 |
|
Identical Three Crows (Bearish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลงอย่างรุนแรง และเป็นเทรนด์ระยะยาว |
16 |
|
Three Black Crows (Bearish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลงอย่างรุนแรงคล้ายกับ Identical Three Crows แต่จะเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น |
17 |
|
Three White Soldier (Bullish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างรุนแรง จะเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง |
18 |
|
Inverted Hammer (Bullish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นสูง โดยมักเกิดขึ้นใกล้ราคาต่ำสุดของวัน และหลังเกิด Morning Doji Star |
19 |
|
Shooting Star (Bearish) |
รูปแบบนี้แสดงถึงโอกาสการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลงสูง โดยมักเกิดขึ้นใกล้ราคาสูงสุดของวัน และหลังเกิด Evening Doji Star |
กลยุทธ์ Price Action เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกประเภท แต่จะเหมาะเป็นพิเศษสำหรับเทรดเดอร์ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
เทรดเดอร์ที่เน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิค: กลยุทธ์ Price Action มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์รูปแบบกราฟราคาและพฤติกรรมของราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
เทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าใจกลไกการเคลื่อนไหวของราคา: กลยุทธ์ Price Action ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจว่าแรงซื้อและแรงขายส่งผลต่อราคาอย่างไร ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น
เทรดเดอร์ที่ต้องการพัฒนาทักษะการอ่านกราฟ: การฝึกฝนกลยุทธ์ Price Action ช่วยให้เทรดเดอร์พัฒนาทักษะการอ่านกราฟและตีความรูปแบบกราฟราคาต่าง ๆ
เทรดเดอร์ที่ต้องการมีวินัย: กลยุทธ์ Price Action ต้องการวินัยและความอดทน เนื่องจากเทรดเดอร์ต้องรอสัญญาณการซื้อขายที่ชัดเจนจากกราฟราคา
|
|
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Price Action |
► Price Action คือการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ทางเทคนิคประเภทหนึ่งที่ใช้การศึกษาพฤติกรรมของราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต
► ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และสามารถทำกำไรได้ในทุกสภาวะตลาด
► กลยุทธ์ Price Action เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกประเภท
กลยุทธ์ Price Action เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ, ใช้งานง่าย และ เทรดเดอร์สามารถปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การเทรดของตัวเองได้ เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์ Price Action ร่วมกับเครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อให้สามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ Price Action ก็มีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน เนื่องจากการวิเคราะห์รูปแบบกราฟนั้น อาจตีความได้หลายแง่มุม เทรดเดอร์จึงจำเป็นต้องมีประสบการณ์และเข้าใจหลักการของกลยุทธ์นี้เป็นอย่างดี เทรดเดอร์ควรศึกษาเรียนรู้กลยุทธ์อย่างละเอียด ฝึกฝนการใช้งานบนบัญชีทดลอง และมีการจัดการความเสี่ยงเงินทุนอย่างเหมาะสมครับ
✏ กลยุทธ์ Swing Trade คืออะไร? เจาะลึกกลยุทธ์ที่คุณต้องรู้ก่อนเทรด!
✏ จัดอันดับโบรกเกอร์ Forex ปี 2024
✏ Amortization คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ในตลาด Forex ต้องรู้จัก
✏ ชวนรู้จัก Hedging กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง Forex ใช้ได้ผลจริงหรือไม่?
------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกที่นี่
อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM