เชื่อว่าหลายคนที่เปิดเข้ามาอ่านบทความนี้ มีความสนใจในการเทรด Forex ไม่มากก็น้อย ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงความรู้พื้นฐาน Forex เบื้องต้นที่เทรดเดอร์ต้องทำความรู้จักก่อนเริ่มเข้าสู่ตลาด Forex จริง ๆ
หากคุณเป็นอีกคนที่สนใจในการลงทุน Forex คุณได้เปิดอ่านถูกบทความแล้ว! วันนี้ทางทีมงาน FXbrokerscam ได้รวบรวม 8 ความรู้พื้นฐาน Forex แบบจัดเต็ม ที่นักลงทุนมือใหม่ต้องทำความเข้าใจมาไว้ในบทความเดียวฉบับเข้าใจง่ายเรียบร้อยแล้ว หากพร้อมแล้วไปเริ่มอ่านกันเลยครับ
บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ความรู้สำหรับผู้ที่สนใจเท่านั้น! ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนเริ่มทำการลงทุน |
Forex คืออะไร ? |
ก่อนที่คุณจะเรียนรู้ความรู้พื้นฐาน Forex ต้องเข้าใจก่อนว่า Forex คืออะไร ? Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange (FX) คือ ตลาดที่มีการซื้อ - ขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่มีการเปิดตลอด 24 ชั่วโมง วันจันทร์ถึงวันศุกร์ (หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์) ซึ่งตลาด Forex ถือเป็นตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงมากเช่นกัน
ทำไมตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง ? |
ตลาด Forex มีขนาดตลาดที่ใหญ่ และมีปริมาณซื้อขายต่อวันจำนวนมากทำให้มีสภาพคล่องที่ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง มีดังนี้
ตลาด Forexเป็นตลาดที่มีผู้เข้าร่วมลงทุนเป็นจำนวนมากทั้งนักลงทุนรายใหญ่ รายย่อย และยังรวมถึงสถาบันการเงิน ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ตลาด Forex มีปริมาณซื้อ - ขายที่มีจำนวนมากถึง 200 ล้านล้านบาทต่อวัน ทำให้ตลาด Forex มีสภาพคล่องที่สูงมากครับ
ตลาด Forex มีการเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เทรดเดอร์สามารถเลือกลงทุนในเวลาใดก็ได้ในวันทำการ ทำให้เกิดการซื้อ - ขายที่ง่ายและรวดเร็ว
การที่สามารถใช้ Leverage ในการเทรดได้ จะช่วยดึงดูดเทรดเดอร์ให้เข้ามาลงทุนในตลาด Forex เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก Leverage สามารถใช้เป็นเครื่องมือที่เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ในอัตราที่ทวีคูณ ในส่วนนี้จะค่อนข้างเอื้ออำนวยต่อนักลงทุนที่มีเงินทุนต่ำแต่ต้องการสร้างกำไรในอัตราที่สูง และเมื่อเทรดเดอร์เข้ามาลงทุนในตลาด Forex มากขึ้นก็ย่อมส่งผลให้สภาพคล่องมีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
แพลตฟอร์มการลงทุน Forex ถูกออกแบบมาให้ใช้งาน และสามารถเทรดที่ไหนก็ได้ ทำให้เข้าถึงเทรดเดอร์ได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
จากปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้น ส่งผลให้ตลาด Forex มีสภาพคล่องและมีความผันผวนที่สูงมาก ทำให้การเปลี่ยนแปลงในส่วนของราคาเกิดขึ้นได้ง่ายเพียงชั่วขณะ นักลงทุนจึงต้องมีความเข้าใจในการลงทุนเป็นอย่างดีก่อนเริ่มลงทุน และหมั่นติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนครับ
ทำความเข้าใจพื้นฐาน Forex เบื้องต้น |
หากคุณต้องการอยู่ในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน คุณจำเป็นที่จะต้องรู้พื้นฐานในการเทรด Forex เบื้องต้นก่อนเพื่อที่จะเข้าใจการเทรดได้อย่างครอบคลุม โดยทางทีมงาน Fxbrokerscam ได้รวบรวม 8 หัวข้อหลักที่เทรดเดอร์ต้องทำความรู้จักมาไว้เรียบร้อยแล้ว โดย 8 ความรู้พื้นฐาน Forex ที่เทรดเดอร์ต้องทำความรู้จัก มีดังนี้
1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด Forex
2. คู่เงินหลัก Forex ที่นักลงทุนต้องรู้
3. เวลาเปิด - ปิดตลาด Forex ?
4. Bid Ask และ Spread คืออะไร ?
5. ทำความรู้จักค่า Swap คืออะไร ?
6. เพิ่มกำลังการเทรดด้วย Leverage
7. ทำความรู้จัก Pip และ Point
8. การส่งคำสั่งซื้อ - ขาย ไปยังตลาด Forex
ความรู้พื้นฐาน Forex : ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด Forex มีอะไรบ้าง |
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาคู่สกุลเงิน มีส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงิน ทำให้เทรดเดอร์ส่วนมากนิยมศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด Forex เพื่อประกอบการวางแผนการลงทุนนั่นเอง โดยปัจจัยที่ส่งผลนั้นมี ดังนี้
ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด Forex อย่างมากครับ เช่น ภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้น ๆ อ่อนค่าลง จนทำให้สกุลเงินที่เทรดเดอร์กำลังลงทุนนั้นเกิดความผันผวนสูง
นโยบายทางการเงินมีผลต่อการเคลื่อนไหวของมูลค่าสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น จะส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่ามากขึ้นตามไปด้วย และเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดต่ำลงค่าเงินก็จะอ่อนค่าลงตามอัตราดอกเบี้ยครับ
เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นแต่ละระลอกย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน จะเห็นได้ชัดจากสงครามรัสเซียยูเครนที่ทำให้ค่าเงินของรัสเซีย และค่าเงินของฝั่งยุโรปตะวันออกเกิดความผันผวน ตัวอย่างคู่สกุลเงินที่ส่งผลกระทบได้แก่ รูเบิลรัสเซีย (RUB), ฮรีฟเนียยูเครน (UAH) และ ยูโร (EUR) เป็นต้น
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานในตลาด Forex เพราะหากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าคู่สกุลเงินที่ทำการลงทุนจะสามารถทำกำไรได้มาก อุปสงค์ของคู่สกุลเงินก็จะพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาของคู่สกุลเงินเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกันหากเหล่านักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นในคู่สกุลเงิน และทำการเทขายก็จะทำให้คู่สกุลเงินนั้นอ่อนค่าลงได้เช่นกันครับ
ความรู้พื้นฐาน Forex : คู่เงิน Forex คืออะไรนักลงทุนต้องรู้! |
ก่อนที่คุณจะเข้าเทรดในตลาด Forex คุณจำเป็นที่จะต้องเลือกคู่เงินในการเทรดก่อน สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนการเลือกคู่สกุลเงินในการเทรด คือ ประเภทของคู่สกุลเงินในตลาด Forex ซึ่งประเภทของคู่สกุลเงินจะ มี 3 ประเภท ได้แก่
คู่เงินหลักจะมีสกุลเงิน USD อยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เช่น EUR/USD, GBP/USD, AUD/USD และ NZD/USD เป็นต้น
คู่เงินรอง คือ คู่เงินที่ไม่ได้จับคู่กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่จะเป็นการจับคู่กับสกุลเงินอื่นแทน ทำให้คู่สกุลเงินประเภทนี้มักจะมีสภาพคล่องต่ำกว่าคู่สกุลเงินหลักนั่นเอง
คู่เงินเกิดใหม่ก็ตามชื่อเลยครับ เป็นการจับคู่สกุลเงินที่เกิดขึ้นใหม่ในตลาดที่จับคู่กับสกุลเงินหลักหนึ่งคู่สกุลเงินครับ ทำให้สกุลเงินประเภทนี้จะมีความผันผวนที่สูงมาก จากปัจจัยที่ส่งผลหลายประการ
ความรู้พื้นฐาน Forex : เวลาเปิด - ปิดตลาด Forex ? |
แม้ตลาด Forex จะเปิด 24 ชั่วโมง แต่รู้หรือไม่ว่า เทรดเดอร์บางคนจะเลือกเวลาในการเข้าเทรดเป็นช่วง ๆ ไป ไม่เลือกเทรดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเวลาในการเทรดส่งผลต่อความผันผวนและสภาพคล่องของตลาดที่แตกต่างกันไป โดยตลาด Forex ของประเทศไทยจะเปิดตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ - วันศุกร์ ตามเวลามาตรฐานกรีนิซ (GMT) ซึ่งเวลามาตรฐานนี้เราจะถือเป็นเวลาที่ใช้อ้างอิงตามสากล และเวลาในการเปิดปิดตลาดตามเวลาประเทศไทย มีดังนี้
ประเทศ |
ตลาด |
สกุลเงินที่เกี่ยวข้อง |
เวลาเปิด - ปิด |
ออสเตรเลีย |
ตลาดออสเตรเลีย |
AUD |
05:00 - 13:00 น. |
ญี่ปุ่น |
ตลาดญี่ปุ่น |
JPY |
07:00 - 14:00 น. |
ยุโรป |
ตลาดยุโรป |
EUR |
13:00 - 21:00 น. |
สวิตเซอร์แลนด์ |
ตลาดสวิตเซอร์แลนด์ |
CHF |
13:00 - 21:00 น. |
อังกฤษ |
ตลาดอังกฤษ |
GBP |
14:00 - 22:00 น. |
สหรัฐอเมริกา |
ตลาดสหรัฐอเมริกา |
USD |
19:00 - 03:00 น. |
TIPS🌟 : เวลาเปิด - ปิดของตลาด Forex อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ อย่างไรก็ดี แม้ตลาด Forex จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ความจริงแล้วเทรดเดอร์ส่วนมากจะเลือกเทรดในช่วงที่ตลาดมีปริมาณการซื้อ - ขายที่มาก เพื่อง่ายต่อการทำกำไรครับ
ความรู้พื้นฐาน Forex : Bid Ask และ Spread คืออะไร ? |
Bid Ask จะทำให้เทรดเดอร์ทราบถึงต้นทุนและสภาพคล่องของตลาด เพื่อประกอบการตัดสินใจเข้าเทรดในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Bid คือ ราคาเสนอซื้อที่ฝั่งผู้ซื้อเต็มใจที่จะจ่ายในการซื้อสินค้า ส่วน Ask คือ ราคาเสนอขายที่ผู้ขายต้องการขาย ณ เวลานั้น ๆ ผลต่างระหว่าง Bid และ Ask เราจะเรียกว่า Spread หาก Spread ของสินทรัพย์กว้าง ราคาก็จะสูง แต่ในทางกลับกัน หาก Spread แคบ ราคาสินทรัพย์ก็จะต่ำครับ จากภาพจึงสรุปได้ว่า Ask - Bid = Spread นั่นเอง
หากคุณต้องการศึกษา Bid Ask และ Spread แบบลงลึก! สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่
|
ความรู้พื้นฐาน Forex : ทำความรู้จักค่า Swap คืออะไร ? |
ค่า Swap คือ ค่าธรรมเนียมที่จะถูกเรียกเก็บเพิ่มเติม เมื่อมีการถือออเดอร์ไว้ข้ามคืน โดยประเภทของค่า Swap จะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Swap Short (สถานะขาย) และ Swap Long (สถานะซื้อ) ค่า Swap จะสามารถเป็นได้ทั้งบวก / ลบขึ้นอยู่กับทิศทางของออเดอร์ที่คุณถือครอง และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของคู่สกุลเงิน
การคำนวณค่า Swap จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้
หากต้องการคำนวณหาค่า Swap จำเป็นจะต้องมีอัตราค่า Swap และขนาด Lot เป็นตัวแปรหลัก เทรดเดอร์สามารถติดตามค่า Swap ได้จากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ได้ เพราะแต่ละโบรกอาจมีสูตรในการคำนวณที่แตกต่างกัน |
ค่า Swap จะถูกคำนวณในช่วงปิดตลาดของแต่ละวัน โดยปกติทั่วไป คือ ช่วง 04.00 - 05.00 น. ขึ้นอยู่กับแต่ละโบรก พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ หากคุณเปิดออเดอร์วันนี้และถือออเดอร์ไว้ข้ามวันไปจนถึงวันพรุ่งนี้ คุณจะต้องเสีย หรือได้รับค่า Swap สำหรับ 1 คืนนั่นเอง
รู้หรือไม่ ? คุณสามารถเลือกหลีกเลี่ยงค่า Swap ได้ โดยการเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่ฟรีค่า Swap การเลือกใช้โบรกเกอร์ฟรี Swap จะทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเมื่อคุณถือสถานะข้ามวัน สามารถตรวจสอบโบรกเกอร์ฟรี Swap ได้ที่ |
วิธีดูค่า Swap จาก MT4 |
คุณสามารถดูค่า Swap Short และ Swap Long บนแพลตฟอร์ม MT4 ได้ที่ View > Symbols > เลือกคู่สกุลเงินที่ต้องการ > เลือก Properties
วิธีดูค่า Swap จาก MT5 |
คุณสามารถดูค่า Swap Short และ Swap Long บนแพลตฟอร์ม MT5 ได้ที่ Market Watch > เลือกคู่สกุลเงินที่ต้องการ > คลิกขวาที่คู่สกุลเงินที่ต้องการ > เลือก Specification
ความรู้พื้นฐาน Forex : เพิ่มกำลังการเทรดด้วย Leverage |
Leverage คือ อัตราทดที่ช่วยเพิ่มกำลังในการเทรดให้กับเทรดเดอร์ สำหรับเทรดเดอร์ที่มีเงินลงทุนค่อนข้างต่ำสามารถเลือกใช้ Leverage เข้ามาเป็นตัวช่วยได้ แต่ในการเทรด โดยใช้ Leverage จำเป็นต้องมี Margin ไว้เพื่อเป็นหลักประกันครับ
Margin คือ จำนวนเงินที่เทรดเดอร์ต้องวาง เพื่อเป็นหลักประกันให้กับโบรกเกอร์ในการใช้ Leverage ซึ่งเทรดเดอร์จะได้รับเงินในส่วนนี้คืน เมื่อทำการปิดออเดอร์ โดย Margin จะสามารถคำนวณได้ ตามสูตรต่อไปนี้
Margin = (Lot x Contract Size / Leverage) x อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน (ณ ปัจจุบัน) |
ระวัง! หาก Margin ลดลงต่ำกว่าค่าที่กำหนด โบรกเกอร์จะทำการเรียกเก็บ Margin เพิ่ม เพื่อให้คงอยู่ในระดับที่กำหนด วิธีแก้คือ เทรดเดอร์ต้องเติมเงินเข้าบัญชีเทรด หากไม่มีการเติมเงินเข้าบัญชี โบรกเกอร์จะทำการปิดออเดอร์การเทรดบางส่วน เพื่อเพิ่มระดับของ Margin ให้อยู่ในระดับที่พอดีนั่นเอง
ข้อควรระวัง : การเลือกใช้ Leverage มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ยิ่ง Leverage สามารถเพิ่มกำลังในการเทรด และการสร้างกำไรมากเท่าไหร่ ก็สามารถส่งผลเสียให้ขาดทุนในจำนวนทวีคูณมากเท่านั้น |
ความรู้พื้นฐาน Forex : ทำความรู้จัก Pip และ Point |
Pip และ Point คือ หน่วยที่ใช้สำหรับวัดการเคลื่อนที่ของกราฟ Forex ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาด Forex นั่นเอง โดย Pip และ Point จะมีความแตกต่างกัน ดังนี้
Pip จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในตำแหน่งทศนิยมตำแหน่งที่ 4 โดย Pip จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคำนวณกำไรขาดทุนจากการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
Point คือ จุด ซึ่งจะเป็นการเคลื่อนไหวในตำแหน่งทศนิยมตำแหน่งที่ 5 ทำให้ Point จะถือเป็นหน่วยที่เล็กกว่า Pip นั่นเอง
ตัวอย่าง การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Pip และ Point
AUD/USD : 1.00350 > AUD/USD : 1.00370 |
ในหน่วย Point จะได้การเคลื่อนที่ 20 Points เนื่องจากนับจุดทศยม 5 ตำแหน่ง
ในหน่วย Pip จะได้การเคลื่อนที่ 2 Pips เนื่องจากนับจุดทศยม 4 ตำแหน่ง
Pip และ Point เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์ตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Pip ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคำนวณ Lot Size ที่เหมาะสมต่อการเทรด Forex ได้
ความรู้พื้นฐาน Forex : ประเภทคำสั่งซื้อ - ขาย ที่เทรดเดอร์ควรรู้! |
ประเภทคำสั่งซื้อพื้นฐานในตลาด Forex มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ การส่งคำสั่งซื้อ - ขายทันที และการตั้งคำสั่งซื้อ - ขายล่วงหน้า โดยความแตกต่างระหว่าง 2 คำสั่งซื้อนั้นต่างกัน ดังนี้
การส่งคำซื้อขายแบบทันที คือ การที่เทรดเดอร์ส่งคำสั่งซื้อ - ขายทันที ณ ราคาตลาดเวลานั้น จะเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าและออกตลาดอย่างรวดเร็ว การส่งคำสั่งประเภทนี้จึงมักมีข้อควรระวังในเรื่องของการเกิด Slippage นั่นเองครับ โดยการส่งคำสั่งซื้อประเภทนี้จะมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
เป็นคำสั่งที่ใช้เมื่อเทรดเดอร์ต้องการเปิดสถานะ Buy และคาดหวังการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่สกุลเงินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
เป็นคำสั่งที่ใช้เมื่อเทรดเดอร์ต้องการเปิดสถานะ Sell และคาดหวังการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่สกุลเงินที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงของราคาคู่สกุลเงิน
การตั้งคำสั่งซื้อ - ขายล่วงหน้า คือ การที่เทรดเดอร์ตั้งคำสั่งซื้อ - ขายไว้ก่อนล่วงหน้า เมื่อราคาถึงจุดที่เทรดเดอร์กำหนดไว้คำสั่งก็จะถูกส่งไปโดยอัตโนมัติ คำสั่งซื้อประเภทนี้จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่ค่อยมีเวลา ซึ่งจะสามารถแบ่งออกไปได้อีก 4 ประเภท ได้แก่
Buy Limit เป็นคำสั่งที่ใช้เปิดสถานะซื้อที่เทรดเดอร์จะเลือกใช้เมื่อมีการคาดการณ์ว่า ราคาของคู่สกุลเงินจะลดลงไปแตะระดับที่คาดการณ์ไว้ และจะมีการกลับตัวขึ้นมาอีกครั้ง โดยการตั้งราคาในคำสั่ง Buy Limit จะต้องตั้งต่ำกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน
Sell Limit เป็นคำสั่งที่ใช้ในการขายที่เทรดเดอร์จะใช้เมื่อมีการคาดการณ์ว่า ราคาของคู่สกุลเงินจะพุ่งขึ้นไปแตะระดับที่คาดการณ์ไว้ และมีการกลับตัวลงมา โดยการตั้งราคา Sell Limit มักจะตั้งสูงกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน
Buy Stop เป็นคำสั่งซื้อที่จะมีการใช้ เมื่อเทรดเดอร์มีการคาดการณ์ว่า ราคาของคู่สกุลเงินจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องจนอาจจะเกินระดับที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยการตั้งราคา Buy Stop มักจะตั้งสูงกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน
Sell Stop เป็นคำสั่งที่ใช้ในการขาย เมื่อเทรดเดอร์เห็นว่า ราคาของคู่สกุลเงินจะลดลงต่ำอย่างต่อเนื่องเกินระดับที่เทรดเดอร์คาดการณ์ไว้ โดยการตั้งราคาใน Sell Stop มักจะถูกตั้งไว้ต่ำกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งราคาที่เราตั้งไว้ใน Sell Stop เราจะเรียกว่า Stop Price
⚠️ รู้จักทุกประเภทคำสั่งซื้อในตลาด Forex โดยละเอียด ได้ที่ ⚠️
บทความที่เกี่ยวข้องSwap คืออะไร? สิ่งที่นักเทรดมือใหม่ต้องศึกษา หากไม่อยากเสียเงินฟรี! ทำความรู้จัก Leverage ตัวช่วยเพิ่มกำไร หรือเพิ่มความเสี่ยง ? Pips และ Points คืออะไร? ในตลาด Forex |
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความรู้พื้นฐาน Forex |
➢ การใช้ Leverage ในการเทรด Forex จะใช้สำหรับเพิ่มกำลังการเทรดและเพิ่มโอกาสการทำกำไรในการเทรด ทั้งยังเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถควบคุม Position ที่มีขนาดมากกว่าเงินที่เทรดเดอร์มีอยู่จริงได้ แต่อย่างไรก็ดีการเลือกใช้ Leverage ควรมีการไตร่ตรองและวางแผนก่อนเสมอ เพราะ Leverage ก็สามารถทำให้คุณขาดทุนได้มากเช่นกัน
➢ Forex มีความเสี่ยงที่สูงมากครับ เนื่องจากขนาดตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้ Forex มีความผันผวนที่สูง และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การเทรด Forex จึงต้องใช้ความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างมากครับ
➢ CFD จะเป็นสัญญาซื้อขายส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ที่อ้างอิง โดยที่นักลงทุนจะไม่ได้เป็นเจ้าของมันจริง ๆ ส่วน Forex คือ การลงทุนในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สรุปโดยง่ายคือ CFD จะมีสินทรัพย์ที่ให้เลือกลงทุนมากกว่า Forex และในส่วนของการถือครอง CFD จะไม่ได้ถือครองสินทรัพย์นั้นจริง ๆ
สรุปความรู้พื้นฐาน Forex ฉบับเข้าใจง่าย |
จากที่กล่าวมาข้างต้นคือ 8 ความรู้พื้นฐาน Forex ที่จะเป็นตัวช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าใจตลาด Forex ได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนี้ยังมีเครื่องมือและเทคนิคอีกมากมายที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้กับเทรดเดอร์ที่สนใจในการลงทุน Forex
การลงทุนในตลาด Forex เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงที่สูง ดังนั้น ขอแนะนำให้เทรดเดอร์ทุกท่านที่กำลังสนใจใน Forex ทดลองเทรดในบัญชี Demo เพื่อฝึกฝนและทดสอบการเทรดก่อนเริ่มทำการเทรดจริง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้สูญเสียเงินทุนที่มีอยู่ไปครับ
คุณสามารถติดตาม Fxbrokerscam เพื่อรับข้อมูลข่าวสารรวมถึงความรู้ดี ๆ ที่จะคอยอัพเดทแบบสม่ำเสมอ ได้ที่ ความรู้ Forex |
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้
อัปเดตข่าวสารการลงทุนในตลาด Forex : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกที่นี่
อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM