List of content

เจาะลึก! ความรู้พื้นฐาน Forex ฉบับเข้าใจง่าย


ความรู้พื้นฐาน Forex ฉบับเข้าใจง่าย

เชื่อว่าหลายคนที่เปิดเข้ามาอ่านบทความนี้ มีความสนใจในการเทรด Foreex ไม่มากก็น้อย ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงความรู้พื้นฐาน Forex เบื้องต้นที่เทรดเดอร์ต้องทำความรู้จักก่อนเริ่มเข้าสู่ตลาด Forex จริง ๆ 

หากคุณเป็นอีกคนที่สนใจในการลงทุน Forex คุณได้เปิดอ่านถูกบทความแล้ว! วันนี้ทางทีมงาน FXbrokerscam ได้รวบรวม 8 ความรู้พื้นฐาน Forex แบบจัดเต็ม ที่นักลงทุนมือใหม่ต้องทำความเข้าใจมาไว้ในบทความเดียวฉบับเข้าใจง่ายเรียบร้อยแล้ว หากพร้อมแล้วไปเริ่มอ่านกันเลยครับ

บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ความรู้สำหรับผู้ที่สนใจเท่านั้น ! ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนเริ่มทำการลงทุน

 

Forex คืออะไร ?

ก่อนที่คุณจะเรียนรู้ความรู้พื้นฐาน Forex ต้องเข้าใจก่อนว่า Forex คืออะไร ? Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange (FX) คือ ตลาดที่มีการซื้อ - ขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่มีการเปิดตลอด 24 ชั่วโมง วันจันทร์ถึงวันศุกร์ (หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์) ซึ่งตลาด Forex ถือเป็นตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงมากเช่นกัน

 

ทำไมตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง ?

ตลาด Forex มีขนาดตลาดที่ใหญ่ และมีปริมาณซื้อขายต่อวันจำนวนมากทำให้มีสภาพคล่องที่ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง มีดังนี้

1. ปริมาณผู้เข้าร่วมในตลาด Forex

ตลาด Forexเป็นตลาดที่มีผู้เข้าร่วมลงทุนเป็นจำนวนมากทั้งนักลงทุนรายใหญ่ รายย่อย และยังรวมถึงสถาบันการเงิน ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ตลาด Forex มีปริมาณซื้อ - ขายที่มีจำนวนมากถึง 200 ล้านล้านบาทต่อวัน ทำให้ตลาด Forex มีสภาพคล่องที่สูงมากครับ

2. ความง่ายต่อการเข้าถึงตลาด

ตลาด Forex มีการเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เทรดเดอร์สามารถเลือกลงทุนในเวลาใดก็ได้ในวันทำการ ทำให้เกิดการซื้อ - ขายที่ง่ายและรวดเร็ว

4. สามารถใช้ Leverage ได้

การที่สามารถใช้ Leverage ในการเทรดได้ จะช่วยดึงดูดเทรดเดอร์ให้เข้ามาลงทุนในตลาด Forex เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก Leverage สามารถใช้เป็นเครื่องมือที่เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ในอัตราที่ทวีคูณ ในส่วนนี้จะค่อนข้างเอื้ออำนวยต่อนักลงทุนที่มีเงินทุนต่ำแต่ต้องการสร้างกำไรในอัตราที่สูง และเมื่อเทรดเดอร์เข้ามาลงทุนในตลาด Forex มากขึ้นก็ย่อมส่งผลให้สภาพคล่องมีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

5. แพลตฟอร์มการลงทุนที่ใช้งานง่าย

แพลตฟอร์มการลงทุน Forex ถูกออกแบบมาให้ใช้งาน และสามารถเทรดที่ไหนก็ได้ ทำให้เข้าถึงเทรดเดอร์ได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น 

 

จากปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้น ส่งผลให้ตลาด Forex มีสภาพคล่องและมีความผันผวนที่สูงมาก ทำให้การเปลี่ยนแปลงในส่วนของราคาเกิดขึ้นได้ง่ายเพียงชั่วขณะ นักลงทุนจึงต้องมีความเข้าใจในการลงทุนเป็นอย่างดีก่อนเริ่มลงทุน และหมั่นติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนครับ

 

ทำความเข้าใจพื้นฐาน Forex เบื้องต้น

หากคุณต้องการอยู่ในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน คุณจำเป็นที่จะต้องรู้พื้นฐานในการเทรด Forex เบื้องต้นก่อนเพื่อที่จะเข้าใจการเทรดได้อย่างครอบคลุม โดยทางทีมงาน Fxbrokerscam ได้รวบรวม 8 หัวข้อหลักที่เทรดเดอร์ต้องทำความรู้จักมาไว้เรียบร้อยแล้ว โดย 8 ความรู้พื้นฐาน Forex ที่เทรดเดอร์ต้องทำความรู้จักมี ดังนี้

1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด Forex

2. คู่เงินหลัก Forex ที่นักลงทุนต้องรู้

3. เวลาเปิด - ปิดตลาด Forex ?

4. Bid Ask และ Spread คืออะไร ?

5. ทำความรู้จักค่า Swap คืออะไร ?

6. เพิ่มกำลังการเทรดด้วย Leverage

7. ทำความรู้จัก Pip และ Point

8. การส่งคำสั่งซื้อ - ขาย ไปยังตลาด Forex

 

ความรู้พื้นฐาน Forex : ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด Forex มีอะไรบ้าง

ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด Forex มีอะไรบ้าง

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาคู่สกุลเงิน มีส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงิน ทำให้เทรดเดอร์ส่วนมากนิยมศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด Forex เพื่อประกอบการวางแผนการลงทุนนั่นเอง โดยปัจจัยที่ส่งผลนั้นมี ดังนี้

1. ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ

ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด Forex อย่างมากครับ เช่น ภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้น ๆ อ่อนค่าลง จนส่งผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนในคู่สกุลเงินที่มีเสถียรภาพมากยิ่งกว่า ทำให้สกุลเงินที่เทรดเดอร์หันไปลงทุนเกิดความผันผวนสูง

2. นโยบายทางการเงิน

นโยบายทางการเงินมีผลต่อการเคลื่อนไหวของมูลค่าสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น จะส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่ามากขึ้นตามไปด้วย และเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดต่ำลงค่าเงินก็จะอ่อนค่าลงตามอัตราดอกเบี้ยครับ

3. ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์

เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นแต่ละระลอกย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน จะเห็นได้ชัดจากสงครามรัสเซียยูเครนที่ทำให้ค่าเงินของรัสเซีย และค่าเงินของฝั่งยุโรปตะวันออกเกิดความผันผวน ตัวอย่างคู่สกุลเงินที่ส่งผลกระทบได้แก่ รูเบิลรัสเซีย (RUB), ฮรีฟเนียยูเครน (UAH) และ ยูโร (EUR) เป็นต้น

4. ความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานในตลาด Forex เพราะหากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าคู่สกุลเงินที่ทำการลงทุนจะสามารถทำกำไรได้มาก อุปสงค์ของคู่สกุลเงินก็จะพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาของคู่สกุลเงินเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกันหากเหล่านักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นในคู่สกุลเงิน และทำการเทขายก็จะทำให้คู่สกุลเงินนั้นอ่อนค่าลงได้เช่นกันครับ

 

ความรู้พื้นฐาน Forex : คู่เงิน Forex คืออะไรนักลงทุนต้องรู้ !

ก่อนที่คุณจะเข้าเทรดในตลาด Forex คุณจำเป็นที่จะต้องเลือกคู่เงินในการเทรดก่อน สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนการเลือกคู่สกุลเงินในการเทรด คือ ประเภทของคู่สกุลเงินในตลาด Forex ซึ่งประเภทของคู่สกุลเงินจะ มี 3 ประเภท ได้แก่

1. คู่เงินหลัก (Main Currency)

คู่เงินหลักจะมี 8 คู่เงิน ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), เยน (JPY), ปอนด์อังกฤษ (GBP), ฟรังก์สวิส (CHF), ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD), ดอลลาร์แคนาดา (CAD) และดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)

2. คู่เงินรอง (Quote Currency)

คู่เงินรอง คือ คู่เงินที่ไม่ได้จับคู่กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่จะเป็นการจับคู่กับสกุลเงินอื่นแทน ทำให้คู่สกุลเงินประเภทนี้มักจะมีสภาพคล่องต่ำกว่าคู่สกุลเงินหลักนั่นเอง

3. คู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Currency)

คู่เงินเกิดใหม่ก็ตามชื่อเลยครับ เป็นการจับคู่สกุลเงินที่เกิดขึ้นใหม่ในตลาดที่จับคู่กับสกุลเงินหลักหนึ่งคู่สกุลเงินครับ ทำให้สกุลเงินประเภทนี้จะมีความผันผวนที่สูงมาก จากปัจจัยที่ส่งผลหลายประการ

 

 

ความรู้พื้นฐาน Forex : เวลาเปิด - ปิดตลาด Forex ?

แม้ตลาด  Forex จะเปิด 24 ชั่วโมง แต่รู้หรือไม่ว่า เทรดเดอร์บางคนจะเลือกเวลาในการเข้าเทรดเป็นช่วง ๆ ไป ไม่เลือกเทรดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเวลาในการเทรดส่งผลต่อความผันผวนและสภาพคล่องของตลาดที่แตกต่างกันไป โดยตลาด Forex ของประเทศไทยจะเปิดตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ - วันศุกร์ ตามเวลามาตรฐานกรีนิซ (GMT) ซึ่งเวลามาตรฐานนี้เราจะถือเป็นเวลาที่ใช้อ้างอิงตามสากล และเวลาในการเปิดปิดตลาดตามเวลาประเทศไทย มีดังนี้

เวลาเปิด - ปิดตลาด Forex ตามเวลาประเทศไทย

ประเทศ

ตลาด

สกุลเงินที่เกี่ยวข้อง

เวลาเปิด - ปิด

ออสเตรเลีย

ตลาดออสเตรเลีย

AUD

05:00 - 13:00 น.

ญี่ปุ่น

ตลาดญี่ปุ่น

JPY

07:00 - 14:00 น.

ยุโรป

ตลาดยุโรป

EUR

13:00 - 21:00 น.

สวิตเซอร์แลนด์

ตลาดสวิตเซอร์แลนด์

CHF

13:00 - 21:00 น.

อังกฤษ

ตลาดอังกฤษ

GBP

14:00 - 22:00 น.

สหรัฐอเมริกา

ตลาดสหรัฐอเมริกา

USD

19:00 - 03:00 น.

 

TIPS🌟 : เวลาเปิด - ปิดของตลาด Forex อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ อย่างไรก็ดี แม้ตลาด Forex จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ความจริงแล้วเทรดเดอร์ส่วนมากจะเลือกเทรดในช่วงที่ตลาดมีปริมาณการซื้อ - ขายที่มาก เพื่อง่ายต่อการทำกำไรครับ

 

ความรู้พื้นฐาน Forex : Bid Ask และ Spread คืออะไร ?

Bid Ask และ Spread คืออะไร

Bid Ask จะทำให้เทรดเดอร์ทราบถึงต้นทุนและสภาพคล่องของตลาด เพื่อประกอบการตัดสินใจเข้าเทรดในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Bid คือ ราคาเสนอซื้อที่ฝั่งผู้ซื้อเต็มใจที่จะจ่ายในการซื้อสินค้า ส่วน Ask คือ ราคาเสนอขายที่ผู้ขายต้องการขาย ณ เวลานั้น ๆ ผลต่างระหว่าง Bid และ Ask เราจะเรียกว่า Spread หาก Spread ของสินทรัพย์กว้าง ราคาก็จะสูง แต่ในทางกลับกัน หาก Spread แคบ ราคาสินทรัพย์ก็จะต่ำครับ จากภาพจึงสรุปได้ว่า Ask - Bid = Spread นั่นเอง

 

หากคุณต้องการศึกษา Bid Ask และ Spread แบบลงลึก! สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่  

   

 

ความรู้พื้นฐาน Forex : ทำความรู้จักค่า Swap คืออะไร ?

ค่า Swap คือ ค่าธรรมเนียมที่จะถูกเรียกเก็บเพิ่มเติม เมื่อมีการถือออเดอร์ไว้ข้ามคืน โดยประเภทของค่า Swap จะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Swap Short (สถานะขาย) และ Swap Long (สถานะซื้อ) ค่า Swap จะสามารถเป็นได้ทั้งบวก / ลบขึ้นอยู่กับทิศทางของออเดอร์ที่คุณถือครอง และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของคู่สกุลเงิน

วิธีการคำนวณค่า Swap

การคำนวณค่า Swap จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ โดยคุณสามารถคำนวณค่า Swap ได้ ดังสูตรต่อไปนี้

 

Swap = (มูลค่า 1 pips x อัตราค่า Swap x จำนวนคืน) /10

 

ค่า Swap จะถูกคำนวณในช่วงปิดตลาดของแต่ละวัน โดยปกติทั่วไป คือ ช่วง 05.00 น. ตามเวลาของประเทศไทย พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ หากคุณเปิดออเดอร์วันนี้และถือออเดอร์ไว้ข้ามวันไปจนถึงวันพรุ่งนี้ คุณจะต้องเสีย หรือได้รับค่า Swap สำหรับ 1 คืนนั่นเอง

 

 รู้หรือไม่ ? คุณสามารถเลือกหลีกเลี่ยงค่า Swap ได้ โดยการเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่ฟรีค่า Swap การเลือกใช้โบรกเกอร์ฟรี Swap จะทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเมื่อคุณถือสถานะข้ามวัน สามารถตรวจสอบโบรกเกอร์ฟรี Swap ได้ที่

 

 

วิธีดูค่า Swap จาก MT4

วิธีดูค่า Swap จาก MT4

คุณสามารถดูค่า Swap Short และ Swap Long บนแพลตฟอร์ม MT4 ได้ที่ View > Symbols > เลือกคู่สกุลเงินที่ต้องการ > เลือก Properties

 

วิธีดูค่า Swap จาก MT5

วิธีดูค่า Swap จาก MT5

คุณสามารถดูค่า Swap Short และ Swap Long บนแพลตฟอร์ม MT5 ได้ที่ Market Watch > เลือกคู่สกุลเงินที่ต้องการ > คลิกขวาที่คู่สกุลเงินที่ต้องการ > เลือก Specification

 

ความรู้พื้นฐาน Forex : เพิ่มกำลังการเทรดด้วย Leverage

Leverage คือ อัตราทดที่ช่วยเพิ่มกำลังในการเทรดให้กับเทรดเดอร์ สำหรับเทรดเดอร์ที่มีเงินลงทุนค่อนข้างต่ำสามารถเลือกใช้ Leverage เข้ามาเป็นตัวช่วยได้ แต่ในการเทรด โดยใช้ Leverage จำเป็นต้องมี Margin ไว้เพื่อเป็นหลักประกันครับ

Margin คืออะไร คำนวณอย่างไร ?

Margin คือ จำนวนเงินที่เทรดเดอร์ต้องวาง เพื่อเป็นหลักประกันให้กับโบรกเกอร์ในการใช้ Leverage ซึ่งเทรดเดอร์จะได้รับเงินในส่วนนี้คืน เมื่อทำการปิดออเดอร์ โดย Margin จะสามารถคำนวณได้ ตามสูตรต่อไปนี้

 

Margin = (Lot x Contract Size / Leverage) x อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน (ณ ปัจจุบัน)

 

ระวัง ! หาก Margin ลดลงต่ำกว่าค่าที่กำหนด โบรกเกอร์จะทำการเรียกเก็บ Margin เพิ่ม เพื่อให้คงอยู่ในระดับที่กำหนด วิธีแก้คือ เทรดเดอร์ต้องเติมเงินเข้าบัญชีเทรด หากไม่มีการเติมเงินเข้าบัญชี โบรกเกอร์จะทำการปิดออเดอร์การเทรดบางส่วน เพื่อเพิ่มระดับของ Margin ให้อยู่ในระดับที่พอดีนั่นเอง

 

ข้อควรระวัง : การเลือกใช้ Leverage มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ยิ่ง Leverage สามารถเพิ่มกำลังในการเทรด และการสร้างกำไรมากเท่าไหร่ ก็สามารถส่งผลเสียให้ขาดทุนในจำนวนทวีคูณมากเท่านั้น

 

ความรู้พื้นฐาน Forex : ทำความรู้จัก Pip และ Point

Pip และ Point คือ หน่วยที่ใช้สำหรับวัดการเคลื่อนที่ของกราฟ Forex ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาด Forex นั่นเอง โดย Pip และ Point จะมีความแตกต่างกัน ดังนี้

Pip คืออะไร ?

Pip จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในตำแหน่งทศนิยมตำแหน่งที่ 4 โดย Pip จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคำนวณกำไรขาดทุนจากการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

Point คืออะไร ?

Point คือ จุด ซึ่งจะเป็นการเคลื่อนไหวในตำแหน่งทศนิยมตำแหน่งที่ 5 ทำให้ Point จะถือเป็นหน่วยที่เล็กกว่า Pip นั่นเอง


ตัวอย่าง
การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Pip และ Point

 

AUD/USD : 1.00350  >  AUD/USD : 1.00370

 

  • ในหน่วย Point จะได้การเคลื่อนที่ 20 Points เนื่องจากนับจุดทศยม 5 ตำแหน่ง

  • ในหน่วย Pip จะได้การเคลื่อนที่ 2 Pips เนื่องจากนับจุดทศยม 4 ตำแหน่ง

ความสำคัญของ Pip และ Point

  • Pip และ Point ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวัดผลกำไรขาดทุนได้อย่างแม่นยำ
  • Pip และ Point เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์ตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

  • Pip ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคำนวณ Lot Size ที่เหมาะสมต่อการเทรด Forex ได้

ความรู้พื้นฐาน Forex : ประเภทคำสั่งซื้อ - ขาย ที่เทรดเดอร์ควรรู้ !

ประเภทคำสั่งซื้อพื้นฐานในตลาด Forex มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ การส่งคำสั่งซื้อ - ขายทันที และการตั้งคำสั่งซื้อ - ขายล่วงหน้า โดยความแตกต่างระหว่าง 2 คำสั่งซื้อนั้นต่างกัน ดังนี้

รูปแบบคำสั่งซื้อประเภท Market Order

1. การส่งคำสั่งซื้อ - ขายทันที (Market Order)

การส่งคำซื้อขายแบบทันที คือ การที่เทรดเดอร์ส่งคำสั่งซื้อ - ขายทันที ณ ราคาตลาดเวลานั้น จะเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าและออกตลาดอย่างรวดเร็ว การส่งคำสั่งประเภทนี้จึงมักมีข้อควรระวังในเรื่องของการเกิด Slippage นั่นเองครับ โดยการส่งคำสั่งซื้อประเภทนี้จะมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่

คำสั่ง Buy

คำสั่ง Buy เป็นคำสั่งที่ใช้เมื่อต้องการซื้อ จะใช้เมื่อเทรดเดอร์ต้องการซื้อคู่สกุลเงิน ณ ราคาปัจจุบัน โดยมีความคาดหวังในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่สกุลเงินที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

คำสั่ง Sell

คำสั่ง Sell เป็นคำสั่งที่ใช้เมื่อต้องการขาย จะใช้เมื่อเทรดเดอร์ต้องการขายคู่สกุลเงิน ณ ราคาปัจจุบัน โดยมีความคาดหวังในการทำกำไรจากการปรับตัวลดลงของราคาคู่สกุลเงิน ผ่านการซื้อกลับเมื่อราคาลดลงต่ำกว่าที่กำหนดและทำกำไรจากส่วนนี้

 

รูปแบบคำสั่งซื้อประเภท Pending Order

2. การตั้งคำสั่งซื้อ - ขายล่วงหน้า (Pending Order)

การตั้งคำสั่งซื้อ - ขายล่วงหน้า คือ การที่เทรดเดอร์ตั้งคำสั่งซื้อ - ขายไว้ก่อนล่วงหน้า เมื่อราคาถึงจุดที่เทรดเดอร์กำหนดไว้คำสั่งก็จะถูกส่งไปโดยอัตโนมัติ คำสั่งซื้อประเภทนี้จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่ค่อยมีเวลา ซึ่งจะสามารถแบ่งออกไปได้อีก 4 ประเภท ได้แก่

Buy Limit

Buy Limit เป็นคำสั่งที่ใช้เปิดสถานะซื้อที่เทรดเดอร์จะเลือกใช้เมื่อมีการคาดการณ์ว่า ราคาของคู่สกุลเงินจะลดลงไปแตะระดับที่คาดการณ์ไว้ และจะมีการกลับตัวขึ้นมาอีกครั้ง โดยการตั้งราคาในคำสั่ง Buy Limit จะต้องตั้งต่ำกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน

Sell Limit

Sell Limit เป็นคำสั่งที่ใช้ในการขายที่เทรดเดอร์จะใช้เมื่อมีการคาดการณ์ว่า ราคาของคู่สกุลเงินจะพุ่งขึ้นไปแตะระดับที่คาดการณ์ไว้ และมีการกลับตัวลงมา โดยการตั้งราคา Sell Limit มักจะตั้งสูงกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน

Buy Stop

Buy Stop เป็นคำสั่งซื้อที่จะมีการใช้ เมื่อเทรดเดอร์มีการคาดการณ์ว่า ราคาของคู่สกุลเงินจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องจนอาจจะเกินระดับที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยการตั้งราคา Buy Stop มักจะตั้งสูงกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน

Sell Stop

Sell Stop เป็นคำสั่งที่ใช้ในการขาย เมื่อเทรดเดอร์เห็นว่า ราคาของคู่สกุลเงินจะลดลงต่ำอย่างต่อเนื่องเกินระดับที่เทรดเดอร์คาดการณ์ไว้ โดยการตั้งราคาใน Sell Stop มักจะถูกตั้งไว้ต่ำกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งราคาที่เราตั้งไว้ใน Sell Stop เราจะเรียกว่า Stop Price

 

⚠️ รู้จักทุกประเภทคำสั่งซื้อในตลาด Forex โดยละเอียด ได้ที่ ⚠️

 
 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความรู้พื้นฐาน Forex

ทำไมเทรด Forex ต้องใช้ Leverage ?

➢ การใช้ Leverage ในการเทรด Forex จะใช้สำหรับเพิ่มกำลังการเทรดและเพิ่มโอกาสการทำกำไรในการเทรด ทั้งยังเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถควบคุม Position ที่มีขนาดมากกว่าเงินที่เทรดเดอร์มีอยู่จริงได้ แต่อย่างไรก็ดีการเลือกใช้ Leverage ควรมีการไตร่ตรองและวางแผนก่อนเสมอ เพราะ Leverage ก็สามารถทำให้คุณขาดทุนได้มากเช่นกัน

Forex มีความเสี่ยงไหม ?

➢ Forex มีความเสี่ยงที่สูงมากครับ เนื่องจากขนาดตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้ Forex มีความผันผวนที่สูง และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การเทรด Forex จึงต้องใช้ความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างมากครับ

CFD กับ Forex แตกต่างกันอย่างไร ?

➢ CFD จะเป็นสัญญาซื้อขายส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ที่อ้างอิง โดยที่นักลงทุนจะไม่ได้เป็นเจ้าของมันจริง ๆ ส่วน Forex คือ การลงทุนในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อคุณเทรด Forex ก็เท่ากับว่าคุณกำลังซื้อ - ขายสกุลเงินนั้นจริง ๆ สรุปโดยง่ายคือ CFD จะมีสินทรัพย์ที่ให้เลือกลงทุนมากกว่า Forex และในส่วนของการถือครอง CFD จะไม่ได้ถือครองสินทรัพย์นั้นจริง ๆ

 

สรุปความรู้พื้นฐาน Forex ฉบับเข้าใจง่าย

จากที่กล่าวมาข้างต้นคือ 8 ความรู้พื้นฐาน Forex ที่จะเป็นตัวช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าใจตลาด Forex ได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนี้ยังมีเครื่องมือและเทคนิคอีกมากมายที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้กับเทรดเดอร์ที่สนใจในการลงทุน Forex 

การลงทุนในตลาด Forex เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงที่สูง ดังนั้น ขอแนะนำให้เทรดเดอร์ทุกท่านที่กำลังสนใจใน Forex ทดลองเทรดในบัญชี Demo เพื่อฝึกฝนและทดสอบการเทรดก่อนเริ่มทำการเทรดจริง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้สูญเสียเงินทุนที่มีอยู่ไปครับ

 

คุณสามารถติดตาม Fxbrokerscam เพื่อรับข้อมูลข่าวสารรวมถึงความรู้ดี ๆ ที่จะคอยอัพเดทแบบสม่ำเสมอ ได้ที่ ความรู้ Forex

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้

อัปเดตข่าวสารการลงทุนในตลาด Forex : คลิกที่นี่

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกที่นี่

อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM