Producer Price Index หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PPI เป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดภาวะเงินเฟ้อในระดับการผลิต ซึ่งสามารถสะท้อนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อราคาสินค้าที่ผู้บริโภคต้องเผชิญในอนาคต วันนี้เราจะพาคุณเจาะลึกว่า ดัชนี PPI คืออะไร ? มีความสำคัญอย่างไรในการประเมินเศรษฐกิจและคาดการณ์แนวโน้มในตลาด Forex ครับ
⚠️ คำเตือน! เนื้อหาในบทความเป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เชิญชวนหรือแนะนำให้ท่านลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ดังนั้น จึงควรใช้วิจารณญาณและพิจารณาความเหมาะสมก่อนตัดสินใจใด ๆ ⚠️ |
ดัชนี PPI (Producer Price Index) คือ ดัชนีราคาผู้ผลิต ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในราคาสินค้าและบริการของผู้ผลิต ซึ่งมีการคำนวณต้นทุนราคาของสินค้าและบริการในส่วนของภาคการผลิตก่อนที่จะส่งถึงมือลูกค้าหรือผู้บริโภค กล่าวง่าย ๆ คือ PPI จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ผู้ผลิตหรือธุรกิจได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการในระดับต้นของห่วงโซ่การผลิต
ตัวเลข PPI |
ตัวเลข Core PPI |
|
|
CPI (Consumer Price Index) และ PPI (Producer Price Index) เป็นดัชนีที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ แต่มีวัตถุประสงค์ในการวัดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
CPI วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคจ่ายสำหรับการบริโภค
PPI วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตหรือธุรกิจขายให้กับธุรกิจอื่น ๆ ก่อนที่จะถึงมือผู้บริโภค
การเปลี่ยนแปลงของ PPI มักจะมีผลกระทบต่อ CPI โดยเฉพาะในระยะยาว เพราะราคาผู้ผลิตที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายราคาที่สูงขึ้นในอนาคต
การคำนวณ PPI จะคำนวณโดยการเปรียบเทียบราคาของสินค้าปีปัจจุบันกับราคาของสินค้าปีอ้างอิง ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของราคา
โดย
หากเรามีข้อมูลราคาสินค้าในปี 2023, 2024 และ 2025 ดังนี้
ผลิตภัณฑ์ A | 100 | 105 | 110 |
ผลิตภัณฑ์ B | 120 | 125 | 130 |
ผลิตภัณฑ์ C | 150 | 155 | 160 |
เราจะใช้ ปี 2023 เป็นปีอ้างอิง แล้วคำนวณ PPI สำหรับปี 2024 และ 2025 โดยใช้สูตร PPI = [(ราคาปีปัจจุบัน ÷ ราคาปีอ้างอิง) x 100]
ปี 2024
หมายความว่า ราคาผลิตภัณฑ์ A ในปี 2024 สูงขึ้น 5% จากปี 2023
ปี 2025
หมายความว่า ราคาผลิตภัณฑ์ A ในปี 2025 สูงขึ้น 10% จากปี 2023
ปี 2024
หมายความว่า ราคาผลิตภัณฑ์ B ในปี 2024 สูงขึ้น 4.17% จากปี 2023
ปี 2025
หมายความว่า ราคาผลิตภัณฑ์ B ในปี 2025 สูงขึ้น 8.33% จากปี 2023
ปี 2024
หมายความว่า ราคาผลิตภัณฑ์ C ในปี 2024 สูงขึ้น 3.33% จากปี 2023
ปี 2025
หมายความว่า ราคาผลิตภัณฑ์ C ในปี 2025 สูงขึ้น 6.67% จากปี 2023
ในตัวอย่างนี้ ทุกผลิตภัณฑ์มีค่า PPI มากกว่า 100 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ราคาสินค้าในปี 2024 และ 2025 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2023 สะท้อนถึงสภาวะเงินเฟ้อนั่นเองครับ
ดัชนี PPI มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ เพราะเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินภาวะเงินเฟ้อในระดับต้น ๆ ของห่วงโซ่การผลิต และสามารถส่งสัญญาณถึงทิศทางของราคาผู้บริโภคในอนาคต
การใช้ PPI (Producer Price Index) วิเคราะห์การลงทุนสามารถใช้ได้หลายวิธี โดยนิยมใช้ในการคาดการณ์ทิศทางของตลาดการเงินและประเมินภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในการลงทุนสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น, พันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน
หาก PPI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงว่า ภาวะเงินเฟ้ออาจจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ, น้ำมัน หรือโลหะมีค่า อาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
เคล็ดลับ: หากตัวเลข PPI เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่า ต้นทุนสินค้าในภาคการผลิตสูงขึ้น นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อ เช่น ทองคำ, สินค้าพลังงาน หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัสดุและโลหะ
การเปลี่ยนแปลงของตัวเลข PPI มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าและบริการ ตัวอย่างเช่น หุ้นของบริษัทในอุตสาหกรรมพลังงาน, การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น หาก PPI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับ: เมื่อตัวเลข PPI สูงขึ้น นักลงทุนควรระวังหุ้นในอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนการผลิตสูง หรือเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่สามารถปรับราคาสินค้าได้ เช่น อุตสาหกรรมพลังงานหรืออุตสาหกรรมที่มีอำนาจในการตั้งราคา (Pricing Power)
การเปลี่ยนแปลงใน PPI สามารถเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจของธนาคารกลาง (FED) เกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ย หาก PPI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อควบคุมการขยายตัวของเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินทั้งในแง่ของหุ้นและพันธบัตร
เคล็ดลับ: นักลงทุนที่มีการลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นที่อ่อนไหวต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยควรเฝ้าระวังตัวเลข PPI เพื่อคาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินของธนาคารกลางและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การใช้ PPI ร่วมกับดัชนี CPI (Consumer Price Index) และดัชนี Core PPI จะช่วยให้สามารถประเมินภาวะเงินเฟ้อและการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนในเศรษฐกิจได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถช่วยนักลงทุนในการตัดสินใจเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้
เคล็ดลับ: เมื่อตัวเลขดัชนี PPI และ Core PPI มีการเพิ่มขึ้นพร้อมกัน นักลงทุนอาจมองหาสินทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ แต่หากตัวเลขทั้งสองลดลง อาจจะต้องพิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เช่น พันธบัตรรัฐบาล ครับ
PPI เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มในระยะยาวเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากการเปลี่ยนแปลงของ PPI สะท้อนถึงแนวโน้มของภาวะเงินเฟ้อที่มีความยั่งยืน นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเงินเฟ้อในอนาคตได้ครับ
เคล็ดลับ: ในระยะยาว หาก PPI แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ
▶ ดัชนี PPI คือ ดัชนีราคาผู้ผลิต ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการของผู้ผลิต
▶ PPI ย่อมาจาก Producer Price Index
▶ PPI เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวัดภาวะเงินเฟ้อในขั้นตอนแรกของกระบวนการผลิต และยังสามารถใช้ในการคาดการณ์ทิศทางของราคาผู้บริโภคในอนาคตได้
▶ ดัชนี PPI คือ การวัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าในระดับการผลิต ขณะที่ดัชนี CPI คือ ใช้วัดราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคจ่าย
ดัชนี PPI เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการจากฝั่งผู้ผลิต ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินภาวะเงินเฟ้อในขั้นตอนแรกของห่วงโซ่การผลิต โดยการเพิ่มขึ้นของ PPI อาจส่งผลให้ราคาผู้บริโภคสูงขึ้นในอนาคต และส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลาง (FED) รวมถึงการเคลื่อนไหวของตลาดการเงิน นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลจาก PPI ในการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
--------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้
อัปเดตข่าวสารการลงทุนในตลาด Forex : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกที่นี่
อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM